“คอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่า” นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
หลังจาก คอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่า จบลง เราไม่อาจลืมภาพเหตุการณ์วันนั้นได้เลย ทุกอย่างมันอยู่ในหัวเราไม่หายไปไหน เราจึงอยากมาเล่า มาเก็บ log ลำดับเหตุการณ์และอารมณ์ไว้อ่านอีกครั้งเวลาที่นึกถึง ทุกอย่างมันยอดเยี่ยมจริงๆ สนุกสุดตีนอินไปกับทุกเสียงเพลง ที่ชอบมากคือทุกอย่างมันเป็น “แสตมป์” หมดจริงๆ
- เป็นคอนเสิร์ตที่รวมความอยากของพี่แสตมป์เอาไว้หมด ทั้งอยากทำ อยากร้องและอยากพูด
- เป็นคอนเสิร์ตที่คิดว่ามีจุดพีคมาให้เล่นเสมอๆจนจบ ไม่เบื่อเลย ขนาดเพลงสุดท้ายยังตกใจเลยว่าจบแล้วจริงๆหรอวะ เวลาผ่านไปเร็วมาก
เปิดตัวคอนเสิร์ตด้วยผ้าม่านผืนใหญ่ ที่มีเงาพี่แสตมป์ยืนถือกีตาร์อยู่ พร้อมเพลงที่พี่แสตมป์แต่งขึ้นเอง เนื้อหาเกี่ยวกับการตัดพ้อชีวิตที่ผ่านมา ได้ใจความดังนี้
“กว่าจะมีวันนี้ ที่ได้เห็นหน้าเธอ
ต้องพบต้องเจอเรื่องราวมากมายเลวร้ายแค่ไหน ดราม่าเท่าไหร่ เธอก็คงรู้
ต่อให้ออกไปแล้ว ก็โดนเค้าว่ากลับมา ไปออกรายการเป็นโค้ช ก็โดนคนดูเค้ารุมด่า
ก็คนดูหาว่าฉันเป็นตัวเลวร้ายเป็นเทพต้องไล่ออกไปให้ไกลจากวงการนี้…
ฉันแทบล้มทั้งยืน แทบร้องไห้ทุกคืน เกือบลืมไปเลยทุกสิ่งที่ผมมี
ไม่ใช่เพราะพวกเค้า แต่เพราะพวกคุณในอิมแพคตอนนี้
ฉันจะลืมทุกสิ่ง และจะลืมทุกอย่าง รวบรวมพลังทั้งหมดที่ฉันมี
3 ชั่วโมงต่อจากนี้ จะเล่นดนตรีเพื่อเธอ…
เธออยากเจอกับฉันหรือเปล่า ม่านเปิดแล้วจะกรี๊ดดังแค่ไหน
ก่อนจะได้เจอกัน ขอให้ฉันนั้นได้มั่นใจ
ก่อนที่ฉันจะเดินออกไป ขอเต็มๆได้มั้ยเสียงของเธอ…”
(หากแกะผิดขออภัยด้วยนะคะ เสียงกรี๊ดดังมากบางช่วง )
หลังจากจบเพลงเปิดตัว ดนตรีเพลง “ให้ตายสิพับผ่า” ดังขึ้นทันที
ผ้าม่านถูกกระชากลง พร้อมแสงสีเสียงบนเวทีแบบจัดเต็ม!
และพอเพลงดำเนินไปถึงครึ่งเพลง แขกรับเชิญคนแรกก็ขึ้นมาในฟอร์มของ “ผู้นำเชียร์” นั่นก็คือ
“กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” และสหาย (จิระ, เกล้าจุก)
ต่างก็ร่วมสร้างความมันส์ต่อไปเรื่อยๆด้วยเพลง “สัตว์ประหลาด” ที่มีลูกเล่นคือ ตุ๊กตาเป่าลม เต็มเวที
คือของเล่นพี่แกเยอะจริงๆ ชอบมาก ดูตื่นเต้นน่ารักๆ
ต่อด้วยเพลง “โอมจงเงย” ที่ให้คนดูร่วมส่องไฟจากมือถือตัวเองแล้วโยกไปมา เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ และจบช่วงแรกด้วยเพลง “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” โชว์อนิเมชั่นน่ารักๆในเวอร์ชั่นของ เจ๋และพี่สุชาติ
แล้วต่อไปก็เป็นช่วงย้อนความหลัง เล่าเรื่องการเดินทางตั้งแต่พี่แสตมป์เข้าวงการมาใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน
เริ่มจากจุดแรกของการเป็นนักร้อง ที่พี่บอย โกสิยพงษ์ ให้โอกาสร่วมร้องเพลงด้วยกันในบทเพลงที่ชื่อว่า “สมมติ”
ต่อด้วยเพลง “หนาว” เป็นเพลงจากอัลบั้ม The strangers นับได้ว่าเป็นวงบอยแบนด์ ที่หน้าตาแย่ที่สุดในยุคนั้น ยกเว้นพี่ตู่ (พี่แสตมป์บอกว่าอย่างนั้น ฮ่าๆ)
หลังจากนั้นก็ได้ตั้งวงใหม่ 7th Sence ที่มีเพลงฮิตคือเพลง “รอฟังคำนั้น” นั่นเอง
สุดท้าย ก็มีโอกาสได้ออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรก และนั่นเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของพี่แสตมป์ ที่มีคนเริ่มรู้จักมากขึ้นในบทเพลงที่ชื่อว่า “ความคิด” (แต่พี่แสตมป์ยังไม่ร้องตอนนี้)
และก็เมดเล่ย์เพลง “แอนิเมชั่น“, “สบู่“, “รักกระโดดกำแพง“, “ถ้าเธอไม่รู้สึก“, “วิญญาณ“, “The Vacation Time” (แอบฮาที่พี่แสตมป์ดัดเสียงเป็น วี วีโอเลต ฮ่าๆ)
“และวันนี้แสตมป์ฟ้าผ่าคือปัจจุบัน” เฮฮฮฮ
พี่แสตมป์ก็เล่าว่าช่วงนึงพยายามหาอะไรทำ จนไปเจอดนตรีแนวนึงที่ฟังแล้วนึกถึงการเล่นเกมส์ ก็ได้พบกับต้นตำรับของซาวด์เสียง 8 Bit จากญี่ปุ่น และนั่นก็เป็นที่มาของแขกรับเชิญในวันนี้กับวง “YMCK” ก็ได้ร่วมร้องเพลง “นักเลงคีย์บอร์ด” , “Magical 8bit Tour” มีนักร้องฮิปฮอปชาวญี่ปุ่นวง “P.O.P.” ขึ้นมาร่วมแจมท่อนแร็พด้วยกันในเพลง “ลืมไปก่อน” เรียกได้ว่า เป็นการสร้างสีสันที่แปลกใหม่ดีเลยทีเดียว
แขกรับเชิญคนต่อไป ก็ได้ขึ้นมาสร้างความเฮฮากันยกใหญ่ นั่นก็คือ “พี่บอย โก และ พี่บอย ตรัย” เดินออกมาในชุดเทพเจ้าที่มีก้อนเมฆห้อยอยู่ข้างลำตัว ทั้งสองก็พยายามจะเล่นเอฟเฟคเสียงฟ้าผ่าตลอดการพูดคุย ฮามากๆ (ค่าย LOVEiS ชอบเล่นอะไรแบบเด็กๆสนุกๆ ทำให้เราประทับใจและรู้สึกเข้าถึงความเป็นกันเองของศิลปินค่ายนี้ได้เป็นอย่างดี) พี่บอยเสนอว่าให้แต่งเพลงขอบคุณสปอนเซอร์ซักหน่อย และพี่แสตมป์ของพวกเราก็ทำออกมาได้ดี
คุยกันสักพักนึงมีโทรศัพท์เข้ามา แล้วไฟก็ดับ ตัดภาพไปที่มอนิเตอร์เป็น MV เพลง “พบกันใหม่” พร้อมกับการขึ้นเวทีของวง “POLYCAT” เรียกเสียงเฮฮาและความประหลาดใจพอสมควร เพราะคิดไม่ถึงเลยจริงๆ POLYCAT รักษามาตรฐานได้ดีเช่นเคย เวลาร้องเพลงคู่กัน คุยกัน เคมีเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว และพากันพูดเข้าเพลง “ฝันหวานอายจูบ” ได้อย่างแนบเนียน ต่อด้วยเพลง “ชายกลาง” (ช่วงนี้เริ่มพีคละ)
พี่แสตมป์เริ่มพูดเข้าเพลงต่อไปว่า มีคนๆนึงซึ่งเป็นชายกลางจริงๆ วันนี้เค้ามาด้วยครับ ตามด้วยทำนองเพลงยุคเก่าที่คุ้นหูเราหลายๆคน นั่นก็คือเพลง “สุดๆไปเลย” ได้เสียงกรี๊ดถล่มทลายสนั่นฮอล์มากมาย เพราะแขกรับเชิญที่ออกมานั้นคือ “พี่ก้อง สหรัฐ” หล่อมาก หล่อมากๆ หล่อมากกกๆๆๆ ฮ่าๆ
ก็มีการทักทายกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน และพากันเข้าเพลง “ช่วงที่ดีที่สุด” และช่วงนี้เอง เป็นช่วงที่พีคสุดทีนนนๆๆ เพราะพี่แสตมป์ร้องไห้ตาหยีสุดๆแบบไม่ไหวแล้ว เห็นได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดที่มันอัดอั้นจนพรั่งพรูออกมา แล้วก็พากันกอดให้กำลังใจกัน ทำให้หลายๆคนร้องไห้ไปตามๆกัน
น้ำตาของพี่แสตมป์บอกความผูกผันของสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี (เรานี่ร้องสะอื้นมากๆสุด TT)
ก้อง สหรัฐ: “รักแสตมป์นานๆนะครับ แสตมป์เป็นคนน่ารักมากครับ” เป็นประโยคที่พี่ก้องพูดลาพี่แสตมป์ ก่อนลงจากเวทีไป และพี่แสตมป์ก็ลงมานั่งตรงขอบเวที พร้อมกับ “ขอพูดอะไรหน่อยได้ปะ…อึดอัดมานาน”
“ผมเล่น social network ไม่ค่อยเก่ง เลยไม่ค่อยพิมพ์อะไรบ่อยๆ เพราะกลัวดราม่า
ตลอดช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ทำหลายอย่างที่ไม่ได้ทำมาก่อน เกิดอะไรขึ้นมากมายและยอมรับว่าเป็นคนอ่อนแอมาก เวลาเกิดอะไรแล้วจะนอยด์มาก เศร้ามาก คิดมากจนมันอาจจะบานปลายในแบบที่ไม่ควรจะเป็น หลายคนก็เป็นห่วง
ทุกๆครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นมา ผมก็นิสัยแย่มากเลย ชอบเหลือเกินที่ไปฟังเค้า เชื่อคนที่ทำร้ายเรา เชื่อว่าเราเป็นแบบที่เค้าพูดจริงๆ สมมติมีเรื่องเกิดขึ้น แล้วมีคนพูด 100 คน ผมชอบไปฟังอีก 15 คนที่คอยบั่นทอนผม ช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าใครที่ติดตามผมจะรู้ว่าผมแย่และล้มลงไป ช่วงเวลานั้นผมจะเงียบไปเลย ไปเล่นคอนเสิร์ตเสร็จแล้วก็จะกลับเลย ไปเจอนักข่าวก็ไม่กล้าให้สัมภาษณ์ ทั้งๆที่มันไม่มีอะไร
ค่อนข้างยากลำบากในการเจอผู้คน ไม่รู้จะทำตัวยังไง คือมันไม่เห็นภาพวาดว่า…เห้ย! “คนที่เกลียดเรามีอยู่จริง ชัวร์! แต่คนที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและคอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ แม่งก็มีอยู่จริงว่ะ ในหลายๆครั้งต้องขอโทษ ที่ปล่อยให้ Support ข้างเดียว แล้วไม่เคยออกไปบอกว่า เห้ยเราโอเค ก็ขอโทษตรงนี้ เพราะตอนนั้นเรารับมือกับมันไม่เป็น และยังมองไม่เห็นว่าอะไรสำคัญกว่าในชีวิต พอเวลาผ่านไปถึงเรียนรู้ว่า มันไม่มีอะไรเลย แค่ว่ามันมีคนที่เข้าใจกัน
ผมเป็นมนุษย์คนนึง ที่ผิดพลาดมา ก็มีหลายๆสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า เรายังไปต่อได้นะแม้เราจะผิดพลาด และวันนี้เป็นวันที่ผมดีใจมาก ที่มีคนมาดูผม เชื่อในตัวผม หรืออาจไม่เชื่อก็ได้แต่ก็ยังมาฟังผม ไม่ว่าผมจะเคยผิดพลาด คนเลว คนบ้าต่างๆนานา ก็ยังมีคนมา support เราอยู่ ผมไม่เคยพูดใน social network เลย ผมเลยมาพูดวันนี้
ผมเลยอยากเล่นเพลงนี้ ที่ทำให้เรารู้จักกัน มันเริ่มจากไม่มีอะไรเลย มีแค่เราแล้วก็เพลง ผมเลยอยากกลับไปสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้งนึง เพลงนี้มีความสำคัญที่สุดในชีวิตผม เพลงนั้นชื่อว่า ความคิด… ”
และเพลง “ความคิด” นี้เองคือไฮไลท์ พอพี่แสตมป์ร้องถึงท่อนฮุคแฟนคลับต่างพากันชูกระดาษที่เขียนว่า “STAY with STAMP” ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวถึงกับอึ้ง และทุกๆคนก็ซาบซึ้งกันไปตามๆกัน พากันร้องเพลงแทนพี่แกเพราะกำลังอึ้งอยู่ นับว่าเป็นภาพที่สวยงาม ประทับใจ และหาคำบรรยายไม่ได้จริงๆ ทำให้รู้เลยว่า คนที่รักพี่แสตมป์และพร้อมอยู่เคียงข้างพี่แสตมป์ มันมากมายจริงๆ
(** โปรเจค STAY with STAMP นี้ เกิดจากกลุ่มแฟนคลับกลุ่มนึงที่ร่วมกันคิดและช่วยกันทำมันขึ้นมา ด้วยแรงกายแรงใจที่พร้อมมอบให้พี่แสตมป์ “โปรดอย่าสงสัย นั่นคือความจริงใจจากผม จากคนๆเดิม คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” )
หลังจากหมดโหมดซึ้งๆ พี่แสตมป์ก็ร้องเพลงระหว่างรอคนไปฉี่พลางๆ
“สวัสดีครับ มีใครปวดฉี่บ้างไหม ก็อยากให้รีบไป เพราะช่วงหน้าเด็ดมากเลย ที่ผ่านมานั้น เป็นช่วงที่ผมเรียกได้ว่าเฉยๆ ช่วงต่อจากนี้เลย ภาษาฝรั่งเค้าเรียกไฮไลท์” แล้วก็ร้องเพลง “จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ” ระหว่างรอคนไปฉี่กลับมา (คือพี่แสตมป์ไม่พักเลย ขนาดคนไปฉี่ยังร้องเพลงรอ รักเลย)
ต่อไปก็เป็นช่วงไฮไลท์ของพี่แสตมป์เอง ก็คือเริ่มมีวงออร์เคสตราขึ้นมา (พี่แสตมป์ชอบการร้องเพลงท่ามกลางเครื่องสายทั้งหลาย และนี่คือสิ่งที่พี่แสตมป์ทำความฝันสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว ดีใจด้วยนะพี่แสตมป์) และพอดนตรีบรรเลงไป แขกรับเชิญคนสำคัญอีกหนึ่งคนก็คือ “ปาล์มมี่” ก็ร้องท่อนแรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะในเพลง “ครั้งสุดท้าย” พี่มี่เป็นนักร้องโคตรคุณภาพ ธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง พยายามหลับตาฟังซึมซับให้ได้มากที่สุด สุดยอดจริงๆ และทั้งสองคนก็ทักทาย พูดคุยกันอย่างสนิทสนม เคมีเข้ากันสุดๆ (อีกแล้ว)
แสตมป์: ผมเป็นแฟนเพลงมี่ตั้งแต่ออกชุดแรก ออกมาแล้ว 4 ชุด ชุดแรก ปาล์มมี่, ปาล์มมี่2 ,ปาล์มมี่3, แต่อัลบั้มต่อไปเป็น ปาล์มมี่5
ปาล์มมี่: ใช่ค่ะ แต่ผิดค่ะ อัลบั้มที่ 3 ผิด
แสตมป์: Beautiful Ride
ปาล์มมี่: อัลบั้ม 2 คือ Stay นะคะ
แสตมป์: สรุปผมผิดหมดเลย (คือจะฮากันไปไหน ฮ่าๆๆๆ)
ปาล์มมี่: มี่ดีใจกับพี่แสตมป์ค่ะ คุณมีแฟนเพลงที่รักคุณและเหนียวแน่น สิ่งที่คุณพูดมาไม่เห็นจะเป็นจริงเลย
แสตมป์: คือช่วงหลังๆ เราคุยกันบ่อยมาก แล้วผมก็ชอบบอกมี่ว่า “โอ้ยมี่ เราโดนด่าอีกแล้วอ่ะ” แล้วคำพูดของมี่ก็เป็นแรงผลักดันให้คนอย่างเราไปต่อไป เพราะทำให้คิดว่า มีคนเชื่อในเราและเป็นฮีโร่ของเรามาตลอด (กอดกัน)
และก็เริ่มเข้าเพลง “กาลครั้งหนึ่ง” ร้องด้วยกันครั้งแรกในโลก (พี่แสตมป์พูดอย่างนั้น ฮ่าๆ) บอกเลยว่าเป็นบทเพลงที่ไพเราะมากๆ ทำให้สะกดคนดูอยู่หมัด เศร้า ซึ้ง อินไปตามๆกัน และหลังจากจบเพลง ทุกคนก็ต้องอึ้ง
ปาล์มมี่: “มี่ขออนุญาตไปหลังเวทีนะคะ มี่ซาบซึ้งเกินไปแล้วค่ะ” พูดพร้อมกับเดินไปข้างๆเวที แล้วเดินกลับมาพร้อมกับช่อดอกไม้ใหญ่หนึ่งช่อที่เตรียมมาเซอร์ไพร์สพี่แสตมป์ เรียกเสียงฮือฮาและประหลาดใจให้คนดูและกับเจ้าตัวมากเลยทีเดียว
ปาล์มมี่: “มี่ทราบว่าวันนี้มันสำคัญกับพี่แสตมป์มาก พี่ได้รวบรวมพลังจิตพลังใจ เพื่อให้วันนี้มันผ่านไปได้ ช่วงนี้เราได้คุยกันบ่อยมาก มี่เลยทราบหัวใจ ความรู้สึกของพี่แสตมป์ มี่รักพี่แสตมป์จากใจ และวันนี้มี่ได้เห็นด้วยลูกกะตาของตัวเอง มีคนอีกเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ที่ผลักดันให้พี่แสตมป์ไปได้เรื่อยๆ มี่ดีใจทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกับพี่แสตมป์ มี่มีความสุขทุกครั้ง เพราะพี่แสตมป์เป็นคนเก่ง มี่รู้สึกว่าพี่แสตมป์เป็นคนฉลาดมาก มันเป็นคำเดียวจริงๆ”
แล้วทั้งสองก็กอดให้กำลังใจกันอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นอีกช็อตซึ้งสำคัญของคอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่าครั้งนี้เลยทีเดียว ประทับใจในความรู้สึกของกันและกันจริงๆ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงแดนซ์ นำทีมโดยพี่มี่กับบทเพลงของเค้า “คิดมาก” และ “Tik Tok” มันส์มากๆ พี่มี่ใส่อารมณ์ แดนซ์กระจาย สนุก เท่ห์และงดงาม
หลังจากพี่ปาล์มมี่ลงจากเวทีไป พี่แสตมป์ก็ยิงโหมดเข้าสู่ความมันส์อย่างต่อเนื่อง ขึ้นทำนองเพลง “บัวลอย” มาอย่างดิบดีเลยย แต่เข้าเนื้อด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง “ตาสว่าง” , “บ้านเล็ก” และ “ใกล้” ซึ่งช่วงนี้แขกรับเชิญอย่าง POLYCAT, กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่และสหาย ก็ขึ้นมาร่วมแจมกันในบทเพลงสนุกๆกันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากเวทีดุเดือด ไฟบนเวทีก็ดับลง พร้อมกับภาพฉายที่ monitor เห็นพี่แสตมป์แสดงอยู่ใน VTR ที่เกี่ยวกับการตามหาทางเข้ามาแสดงคอนเสิร์ต โดยเน้นการโฆษณา Sponser แบบฮาๆ และล้อเลียนภาพยนตร์เรื่องฟรีแลนซ์ได้อย่างดีและลงตัวมาก ภาพสุดท้ายใน VTR เป็นภาพที่พี่แสตมป์เปิดประตูเข้าฮอลล์ได้แล้ว และก็ตัดภาพแบบเป็นภาพในฮอลล์ และพี่แสตมป์ไปยืนอยู่จุดๆนึงในฮอลล์ ณ ขณะนั้นจริงๆ
ทุกคนต่างพากันมองหาว่าอยู่ตรงไหน ช็อตนี้เราประหลาดใจมาก มันอึ้งแบบเห้ยๆ ๆ พี่แสตมป์อยู่ตรงไหน สมกับเป็นพี่แสตมป์จริง พี่แสตมป์ขึ้นไปพบแฟนคลับชั้น 4 พร้อมกับร้องเพลง “สองหมื่น” เพลงที่คนอาจจะรู้จักน้อย แต่เป็นเพลงที่มีความหมายที่ดีมากๆเพลงนึงในชีวิตคนเรา ซึ่งมันบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของพี่แสตมป์ได้ดีมากที่สุด พี่เค้าใส่ใจแฟนคลับทุกคน
“พี่แสตมป์เลือกที่จะไปหาแฟนคลับชั้นบนสุด ชั้นที่มองเห็นเวทีไกลที่สุด ชั้นที่เข้าถึงพี่แสตมป์ได้น้อยที่สุด” แล้วก็ค่อยๆไล่ลงบันไดมาทีละชั้นๆ อาจจะไม่ทั่วถึง แต่ถ้าเราเป็นแฟนคลับที่อยู่ชั้นนั้นๆ เราคงประทับใจและปลื้มไปอีกนาน แล้วก็ค่อยๆเดินมาขึ้นเวที พร้อมกับเพลง “มันคงเป็นความรัก” แล้วก็จบด้วยเพลง “เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง”
บอกเลยว่าเราซึ้ง และร้องไห้อีกครั้ง เนื้อหาความหมายมันบ่งบอกทุกอย่างได้ดี “สิ่งที่ฉันนั้นไม่รู้มาก่อน เธอบอกให้ฉันได้รับรู้ด้วยการสวมกอด สิ่งที่ฉันนั้นค้นหา ที่ชีวิตนี้ไขว่คว้ามาตลอด ก็คือเธอ…” (ใครที่เหนื่อยแล้วท้อแท้ อยากให้ลองหลับตาแล้วเปิดใจฟังเพลงนี้ดู คุณจะรู้ว่า ยังมีคนที่อยู่เคียงข้างคุณอีกมากมาย)
ปิดฉากคอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่า ได้แบบอิ่มใจ สุขใจ และประทับใจจริงๆ แต่แฟนคลับก็ยังไม่อยากจบ คืออารมณ์มันยังไม่จบ ช่วยกันเปล่งเสียง “เอาอีก เอาอีก เอาอีก เอาอีก” แล้วพี่แสตมป์ก็เรียก “อิมเมจ” ขึ้นมาร้องเพลงด้วยกันแบบขอไม่จ่ายค่าตัว ฮ่าๆๆ เลยเล่นเพลง “Falling Slowly” ให้อิมเมจร้องแล้วตัวเองเล่นกีตาร์ แล้วก็ต่อด้วยเพลง “ลมหายใจ“, “แค่ได้พบเธอ“, “ซมซาน” คือ อิมเมจร้องไม่ค่อยเป็นเลย ก็ฮาๆกันไป แล้วก็โบกมือบ๊ายบาย พอแค่นี้ ดูท่าแกคงจะเหนื่อยมากแล้ว ความรู้สึกทั้งหมดเราก็บอกไปหมดแล้ว เราอิ่ม เราคุ้ม เราประทับใจแบบไม่มีวันลืมจริงๆ
สำหรับคนที่ชอบพี่แสตมป์จะชอบขึ้นไปอีก คนที่รักพี่แสตมป์อยู่แล้วจะรักยิ่งๆขึ้นไป ส่วนคนที่เฉยๆจะเข้าใจพี่แสตมป์มากขึ้น และอาจจจะกลายเป็นแฟนคลับพี่แสตมป์โดยไม่รู้ตัว
ขอบคุณ LOVEIS และ BEC Tero ที่จัดคอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่าขึ้นมา ประทับใจมากจริงๆจนถึงต้องมาเขียนรีวิวเก็บไว้อ่าน และขอบคุณภาพถ่ายและคลิปจาก LOVEIS รวมถึงบรรดาแฟนคลับแสตมป์ทุกคน
2 thoughts on “คอนเสิร์ตแสตมป์ฟ้าผ่า นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ”
Comments are closed.