หลังจากที่ได้เปิดตัวบทความ เที่ยวคิวชู ดูให้รู้ ไปให้เห็น ตอน ติวเข้มก่อนไปจริง สักพักแล้วนั้น วันนี้ขอปล่อยอีกหนึ่งบทความ “ประสบการณ์การนอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น” บอกก่อนว่าไอร้านเน็ตที่ญี่ปุ่นเนี่ยจะเรียกกันว่า Manga Cafe (มัง-หงะ) หรือ Internet Cafe ง่ายๆก็คือเป็นร้านเน็ต + การ์ตูน Manga เปิด 24 ชั่วโมง จะเข้าออกเวลาไหนก็แล้วแต่แป๊ะเลยจ้า คือเหมาะมากสำหรับคนที่อยากนอนพักแค่ไม่กี่ชั่วโมง ระหว่างรอขึ้นเครื่อง หรือเหนื่อยล้ามากจนไปต่อไม่ไหว ขอพักแค่ไม่กี่ชั่วโมงการ นอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น เป็นคำตอบได้ดีเลยทีเดียวล่ะ
แน่นอนล่ะว่าเป็นธุรกิจที่ญี่ปุ่น ดังนั้นจะมีแค่คอมฯตั้งวาง ชั้นหนังสือการ์ตูนวางเรียงเฉยๆ เห็นจะเป็นไปไม่ได้ อยากเห็นแล้วใช่มั้ยว่าร้านเน็ตที่ญี่ปุ่นนั้นหน้าตาเป็นยังไง อย่ารอช้า (เราช้าเอง เราขอโทษ) ร้านที่เราไปใช้บริการนั้นชื่อว่า “Internet Cafe Cybac” (เว็บไซต์ร้าน Internet Cafe Cybac ) ซึ่งร้านอินเตอร์เน็ต Cybac นี้มีด้วยกันหลายสาขาทั่วญี่ปุ่นเลย ลองหาสาขาอื่นๆได้ที่นี่
แท่นแท๊นน แค่ป้ายหน้าร้านก็บอกเกือบหมดแล้ว ว่า Internet Cafe แห่งนี้ มีมากกว่าคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และการ์ตูน เพราะมีทั้งห้องคาราโอเกะ ห้องส่วนตัว ห้องรวม ห้องอาบน้ำ ตู้เกมส์ และเซอร์วิสอีกมากมาย เราเริ่มติดต่อสอบถามข้อมูลของร้านนี้ตั้งแต่ก่อนไปทาง inbox facebook ของร้าน ซึ่งเค้าตอบกลับมาดีมากตลอดทุกคำตอบ โอ้ยแกร ตื่นเต้นยัง พร้อมจะไปกันได้รึยัง ! เอ้อออ เผื่อใครอยากมา เราปัก พิกัด ไว้ให้แล้ว อยู่ใกล้กับสถานี Hakata หาไม่ยากเลย เดินตามกันมาเลยให้ไวๆ
ในส่วนของร้าน Internet Cafe Cybac แห่งนี้จะมี 3 ชั้น (ชั้น 5-7) เราก็พุ่งตรงขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 6 ก่อนเลย เพื่อทำการดูห้องแบบต่างๆ ถ้ามาถูกทางก็จะเจอเป็นประตูกระจกและมีเค้าน์เตอร์หน้าตาแบบนี้ สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ห่วงความปลอดภัยนั้น ก็จะมีโซนสำหรับผู้หญิงที่แบคแพคมาลำพังโดยเฉพาะเลยจ้า
เริ่มแรกเราก็ทำการเช็คอินที่เค้าน์เตอร์ได้เลย การสื่อสารกับพนักงานเป็นไปอย่างยากลำบากมาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆ แต่คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ในเมื่อสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง งานนี้พึ่ง google translate ลูกเดียว
ก่อนเข้าพัก หรือใช้งานที่ Internet Cafe ต้องมีการสมัครสมาชิกก่อน โดยพนักงานจะให้แบบฟอร์มมาให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อนำไปทำบัตร member หลังจากกรอกเสร็จเราก็ยื่นให้พนักงานพร้อมกับ passport (หากใครเคยสมัครแล้ว เพียงแค่ยื่นบัตร member นี้แล้วใช้บริการได้เลย) ค่าสมัครบัตร member คนละ 328 yen
เราก็ทำการเลือกห้องแบบที่เราต้องการ ซึ่งมีหลากหลายแบบ โดยหลักๆจะแยกเป็นโซนสูบบุหรี่ โซน non-smoking area และโซนห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ ส่วนประเภทของแต่ละโซนก็จะมีห้องหลายแบบตามรูปด้านบนเลย ความสะดวกสบายก็จะแตกต่างกันไปตามราคา
หลังจาากเลือกห้องได้แล้ว เราก็เลือกจำนวนชั่วโมง เสร็จแล้วพนักงานจะออกใบเสร็จมาให้เราเก็บไว้ ไว้จ่ายเงินตอน check-out (เพราะหากพักเกินเวลาที่กำหนด ก็คิดเพิ่มตามนาทีเลย ไม่มีหยวนนะ คำไหนคำไหน เข้าจั๊ยยยย 55555)
ไม่ว่าเราใช้บริการแพคเกจอะไร กี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง ก็กดน้ำโซนนี้ฟรีแบบไม่อั้นได้ทันที น้ำแต่ละแบบอร่อยมาก โดยเฉพาะพวกน้ำส้มและโซดาต่างๆ แต่เจ๊ขอแอบบอกไว้ก่อนนะว่า ถึงแม้เราจะกดเท่าไหร่ก็ได้ แต่ร้านก็ไม่อนุญาตให้เรานำขวดมากดเติมเพื่อเก็บไว้กินข้างนอกนะ ใครเอาขวดไปกรอกจ่อไว้ พนักงานจับเททิ้งลงอ่างข้างๆเลยทันที สงวนสิทธิ์แก่ผู้ใช้บริการด้วยแก้วกระดาษที่วางอยู่ข้างๆเท่านั้น
คนที่ญี่ปุ่นสูบบุหรี่จัดมาก และแทบจะทุกที่ ไม่เว้นแต่ที่พักอาศัย ร้านอาหาร ก็พากันสูบได้อย่างไม่ผิดกฏหมาย แต่ดีที่ Internet Cafe แห่งนี้มีแบ่งโซนทั้งแบบสูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่ชัดเจน
นี่เป็นโซนแบบสำหรับตัวคนเดียว เหมาะกับคนที่พักชั่วคราวจริงๆและมีของไม่เยอะ มีทั้งแบบเก้าอี้ปรับนอนได้และแบบโซฟานอนยาว ตามเมนูด้านบน ถ้าใครนอนโซนนี้ต้องมีความเกรงใจสูงมาก เพราะแค่สะกิดถุงก๊อบแก๊บนิดเดียว เสียงสั่นไปทั้งห้องแล้วล่ะคุณเธอ (นี่เค้านอนกันหมดแล้ว เสียงเงียบแบบสุดพลัง)
แลนมาร์คสำหรับแฟน 漫画 Manga คือเยอะมากกก เป็นคลังให้เลือกหยิบการกันแบบไม่หลับนอนกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ (เห็นโซฟาที่ติดพื้นอยู่มั้ย นั่นล่ะห้องนอนแสนสุขค่ำคืนที่ Hakata ของเราเอง )
เปลี่ยนรองเท้าใส่เดินกัน
ห้องพักเราเอง ที่เลือกห้องนี้เพราะสามารถนอนรอบที่พื้นได้ทั้งตัว ไม่ต้องกลัวตกโซฟา เห็นห้องแค่นี้ ก็นอนหลับจนไม่อยากตื่นเลยนะบอกเลย เพราะว่าง่วงและเหนื่อยสุดพลัง เราเลือกพัก 7 ชั่วโมง ในราคา 1650 yen ตกแล้วประมาณ 500 บาท / คน นับว่าคุ้มมากๆ มีทั้งคอม ทีวี ห้องอาบน้ำ และบาร์เครื่องดื่มฟรีไม่อั้น ติดแต่ไม่เป็นส่วนตัว ประตูไม่สามารถล็อคได้ มีแสงรอดเข้ามาค่อนข้างเยอะ และไม่มีหมอน ผ้าห่ม หมอนข้างให้นะ คือไม่สบายเท่าโรงแรม แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเลย (แนะว่าถ้าจะมานอนจริงๆก็ซื้อหมอน ผ้าห่มเล็กๆจากไดโซะ 100 yen มาก็ได้)
ห้องอาบน้ำจะมีอยู่สองห้อง โดยแบ่งเป็นห้องชายหญิงเอาไว้คนละโซน ซึ่งก่อนที่จะไปอาบก็ให้ติดต่อพนักงานก่อน ถ้าห้องน้ำยังมีคนเข้าอยู่ก็ให้บอกเบอร์ห้องเอาไว้ หากมีคนอาบเสร็จแล้ว เค้าจะโทรมาเรียกเราที่ห้องเอง ห้องน้ำของที่นี่จะเป็นห้องใหญ่ๆ มีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมไดร์เป่าผมวางไว้ให้ แล้วจะมีห้องอาบน้ำเล็กๆสำหรับเข้าไปอาบน้ำอีกที (เล็กแบบยืดแขนได้อย่างเดียวอะ 5555) สะอาดเลยล่ะ และหากเราอาบเสร็จแล้ว ก็ให้โทรบอกพนักงาน (ในห้องอาบน้ำมีโทรศัพท์อยู่) หรือเดินไปบอกที่เคาน์เตอร์เพื่อที่เค้าจะได้โทรบอกคนอื่นที่ต่อคิวจากเราด้วย
เนื่องจากคืนที่เรามานอนร้านเน็ตที่ Hakata เป็นคืนสุดท้ายก่อนกลับไทย เราเลยมีของฝากจากญี่ปุ่นมากมายกองเป็นภูเขา กว่าจะจัดของเสร็จ กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไป ตี 4 แล้ว ฮือๆ ถึงแม้จะเป็นห้องส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้ส่วนตัวเลยนะ มีช่องตรงประตู ค่อยส่องแสงสว่างอยู่ แถมด้วยเสียงเพลงจากห้องคาราโอเกะชั้นบนสั่นสะท้านแบบไจแอนท์ยังอาย ใครไม่เหนื่อยไม่ง่วงจริงคงนอนไม่หลับ ก็ทำใจหน่อยนะ 5555555
ที่เราเลือกนอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น เพราะอยากลอง หากใครจะมองว่า ไปนอนโรงแรม เพิ่มอีกไม่เท่าไหร่ก็สบายกว่านี้ ก็เป็นทางเลือกของบุคคลเลย แต่คือวันรุ่งขึ้นเราต้องออกจากที่นี่ตั้งแต่ 7 โมงเช้า และคืนสุดท้ายก็ไปเดินช้อปปิ้งกันที่ดองกี้ (Don-q) กว่าจะช้อปเสร็จก็เกือบตีสองแล้ว เลยเห็นว่าจองโรงแรมยังไงก็ไม่คุ้ม เลยเลือกนอนร้านเน็ต Internet Cafe นี่แหละ ถือเป็นประสบการณ์ดีๆที่จะไม่มีวันลืมได้เลย …
“คนเรา ไม่จำเป็นต้องสุขสบายตลอดเวลา ลำบากหน่อยก็ได้ เพื่อให้ได้เรียนรู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองและคนอื่นต่อไป”
4 thoughts on “แชร์ประสบการณ์นอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น”
Comments are closed.