หลังจากที่เที่ยวน่านจบวันแรกกันไปอย่างสุดแสนจะประทับใจแล้ว เช้าวันใหม่ในวันที่สองของทริป “น่านไงบอกแล้วน่านไง” ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เนื่องจากวันแรกเรายังไม่ได้เริ่มเดินทางไป ที่เที่ยวปัว มากนัก วันที่สองของทริปเลยจะเที่ยวในอำเภอปัวให้ครบ จบด้วยขึ้นไปพักที่ดอยสกาด โดยแพลนเที่ยวน่านวันที่สองมีคร่าว ๆ ดังนี้
Day 2 : Cocoa Valley Resort > วัดศรีมงคล (วัดก๋ง) > ร้านอาหารฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ > กาแฟบ้านไทลื้อ – ลำดวนผ้าทอ > วัดภูเก็ต > สกาดคอฟฟี่
ตอนเช้าวันนี้ตื่นมาที่ ตูบนาโฮมสเตย์ แม้จะไม่เจอหมอกหนา แต่อากาศสดชื่นมาก ๆ เห็นเพียงแต่หมอกบนยอดเขาไกล ๆ และก็อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า และพร้อมออกเดินทางไปเที่ยวต่อ (รีวิวเที่ยวน่าน Day 1)
ที่เที่ยวปัว Cocoa Valley Cafe & Resort
หลังจากร่ำลาตูบนาโฮมสเตย์ ร่างกายเราก็ต้องการของหวาน และโกโก้เป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามาเที่ยวน่านทั้งที ถ้าไม่ได้มาลองโกโก้ที่ “Cocoa Valley Resort” คงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายน่าดูเลยแฮะ ซึ่งที่นี่นั้นเป็นรีสอร์ท และคาเฟ่ มีสวนต้นโกโก้ที่ปลูกเอง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักโกโก้ ช็อคโกแลตทั้งหลาย
โดยเมนูของหวานทุกอย่างในร้าน แน่นอนล่ะว่า ก็จะมีโกโก้เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของที่นี่ เมนูก็มีพอประมาณเน้นของหวาน และเครื่องดื่มตามแบบคาเฟ่ทั่วไป และยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโกโก้ เช่น แชมพู สบู ครีม เพื่อซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้อีกด้วย
ภายในร้านก็ตกแต่งสไตล์คาเฟ่ในสวนทั่วไป มีมุมชิค ๆ ทั้งในห้องแอร์ และเอ้าท์ดอร์ ให้เลือกนั่งค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่นี่ไม่ค่อยเห็นวิวภูเขาอะไรมากนั้น การนั่งข้างใน คงเป็นอะไรที่เย็นสบายดี ฮ่า ๆ
มาแล้ว!! น้ำโกโก้ของเรา ความพิเศษของน้ำโกโก้ที่ Cocoa Valley คือ เราก็สามารถเลือกความเข้มของโกโก้ได้ 4 ระดับ Standard > Medium Dark > Double Dark > Super Dark เราเลือก Hot Cocoa Midium Dark (70 บาท) ความขมของระดับนี้ ก็ถือว่าเข้มพอสมควรเลยนะ ไม่หวานดีชอบ ๆ ส่วนอีกแก้ว Cocoa Standard ปั่น (85 บาท) ก็ยังเข้มข้นอยู่นะ ไม่หวานมาก มีวิปครีม และบราวนี่ พร้อมราดซอสช็อคโกแลตเป็นท็อปด้านบน เป็นอีกเมนูคุ้มค่า
เมนูต่อไปที่เรารอคอยนั่นก็คือ Chocolate Dome (139 บาท) เป็นเมนูที่มีลูกเล่นเล็ก ๆ ด้วยการราดซอสช็อคโกแลตที่กำลังร้อนได้ที่ ลงไปที่โดมเพื่อให้โดมละลาย และสามารถกินช็อคโกแลตเข้มข้นเยิ้ม ๆ พร้อมตัดรสชาติด้วยผลไม้ต่าง ๆ เป็นอีกเมนูที่อยากให้ลองนะ (พิกัด Cocoa Valley Resort)
วัดศรีมงคล หรือวัดก๋ง
เมื่อกินเสร็จเราก็ไปต่อกันที่ “วัดศรีมงคล” หรือ ที่เรียกกันว่า “วัดก๋ง” เป็นอีกหนึ่งวัดยอดฮิตในบรรดา ที่เที่ยวปัว ที่คนมาเที่ยวน่าน นิยมไปเช็คอินกัน เป็นวัดสไตล์ล้านนาขนาดใหญ่ เราจะได้ยินเสียงดนตรีสไตล์ล้านนามาแต่ไกล เมื่อเข้ามาที่ทางเข้าประตูวัด ก็จะเจอกับคุ้มประตูโขงไม้สัก พร้อมกับกลุ่มเด็กน้อย คอยเล่นดนตรีพื้นบ้านโชว์ให้เราดูอย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกถึงความล้านนาจริง ๆ
วัดศรีมงคล หรือ วัดก๋ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่กว้างใหญ่ สวยงาม และดูทันสมัย เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยนี้ แต่ยังคงไว้ซึ่งถึงกลิ่นอายของความล้านนาได้อย่างดี ไม่มีผิดเพี้ยน
บริเวณภายในวัดก็จะมี เจดีย์ และวิหารหลวง ที่สามารถเดินอ้อมไปทางข้างหลังเพื่อเข้าไปชมได้ ซึ่งพอเดินมาข้างหลังแล้วนั้น จะพบกับลานชมวิวทุ่งนากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และจุดนี้เองจะสามารถเห็นวิวดอยภูคาด้วยนะ เป็นอีกจุดที่สวยมากเลยจริง ๆ
มีมุมถ่ายรูป คาเฟ่ และข้าง ๆ จะเป็นบ้านเรือนไทยสไตล์ล้านนา สามารถขึ้นไปเยี่ยมชมเก็บภาพกันได้
จากจุดนี้เอง พอมองลงไปข้างล่างก็จะเห็นเป็นสะพานไม้ไผ่กลางทุ่งนา ก็เป็นอีกมุมยอดฮิตที่นิยมถ่ายรูปกันด้วย เป็นแหล่งที่ท่องเที่ยวที่น่านอีกแห่งหนึ่ง ที่ห้ามพลาด เพราะวิวดีมากจริง ๆ วันนี้ฟ้าเปิดสวยงามมาก ทุกอย่างดูสดใสไปหมด ถึงมีแดดแต่ไม่ร้อนเปรี้ยงมากเท่าไหร่
มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะมากมายจริง ๆ พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ซึมซับทุกบรรยากาศที่ได้ไปเยือนในแต่ละที่ ช้าจนลืมไปว่า ควรจะหิวข้าวได้แล้ว (พิกัดวัดศรีมงคล หรือ วัดก๋ง)
ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ
ด้วยความหิว เราก็มุ่งหน้าไปยัง “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” เป็นร้านอาหารอร่อย ยอดฮิตของ ที่เที่ยวปัว เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าคนมาเที่ยวปัว ต้องมาลอง เค้าว่ากันว่า คิวเยอะคนแยะ แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอยอยู่นะ เมื่อพวกเราไปถึงก็พบว่า ต้องรอไปอีก 11 คิว โอ้โหเยอะจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร เรารอได้ เพื่อความอร่อย อิอิ
ระหว่างรอคิว พวกเราก็นั่งชมธรรมชาติด้วยวิวภูเขาด้านหน้า ที่พอมองลงไปด้านล่างแล้วจะเป็นวิวทุ่งนาเขียวขจี มีชิงช้าให้นั่งถ่ายรูปเล่น ๆ แหล่งที่เที่ยวน่านส่วนใหญ่ในปัว จะเห็นวิวภูเขาและด้านล่างเป็นทุ่งนาลักษณะนี้ เกือบทั้งหมดเลย
แนะนำว่า ให้ดูเมนู และเตรียมสั่งอาหารรอไว้เลย พอได้คิวแล้วจะได้สั่งทันที เมนูของที่นี่ก็จะก็จะเด่นในเรื่องของเห็ด ที่จะมีเห็ดเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยเกือบทุกเมนู โดยที่นี่มีฟาร์มเห็ดเป็นของตัวเองด้วย
เมื่อถ้าถึงคิวเราแล้ว เค้าก็จะบอกว่าให้เราไปนั่งตรงไหน ถือว่าโชคดีมากเลยที่ได้ไปนั่งตรงริมน้ำตกจำลอง เป็นวิวธรรมชาติที่เพลิดเพลินมาก กินข้าวไปด้วย กินอาหารปลาไปด้วย เอ้ย! ให้อาหารไปด้วย ฮ่า ๆ
เมนูที่เราสั่งในมื้อนี้ เปิดด้วยเมนูกินเล่นอย่าง “เห็ดชุบแป้งทอด” (100 บาท) เห็ดกรุบกรอบ ไม่อมน้ำมัน หอมอร่อย กินเพลิน เป็นการเปิดมื้อได้อย่างดีงาม ต่อด้วย “ยำเห็ดสามสหาย” (90 บาท) จะประกอบไปด้วย เห็ดต่าง ๆ และแคปหมูสไตล์ชาวเหนือ รสชาติของน้ำยำจะค่อนไปทางเปรี้ยว และ เผ็ดกลาง
ส่วน “ต้มยำเห็ดยานางิ” (90 บาท) เสิร์ฟมาในรูปแบบชามเล็ก ๆ ขนาดกำลังกิน รสชาติจะออกแนวเปรี้ยว ๆ คล้าย ๆ ยำอีกแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องเห็ด คือหนึบหนับอร่อยดีเลย นอกจากอาหารไทยแล้ว เค้าก็มีอาหารฟิวชั่น อย่างเช่น “สปาเกตตี้ไส้อั่ว” (150 บาท) เค้าจะใช้ เส้นเองเจแฮร์ ที่ตัวเส้นจะเล็ก ๆ และแข็งหน่อย ๆ ผัดมาไม่มันมากเท่าไหร่ เสริมความเผ็ดด้วยไส้อั่วสไตล์ล้านนาแต้ ๆ เลยเจ้า เมนูเผ็ดที่สุดบนโต๊ะอาหารแล้ว ฮ่า ๆ
ปิดท้ายเมนูยอดฮิตอย่าง “พิซซ่าเห็ด” (150 บาท) เป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เลยล่ะ สั่งกันทุกโต๊ะ ใครไม่สั่งเหมือนมาไม่ถึง ฮ่า ๆ รสชาติดี สมคำคุยจริง ๆ แป้งไม่หนามากแต่นุ่ม ขอบจะกรอบ ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าเห็ด แต่รสชาติเกินเห็ดมาก อร่อยยยยย หอม ๆ มัน ๆ แนะนำเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่รสชาติดี สำหรับการมาเที่ยวน่านในครั้งนี้ ควรค่าแก่การรอคอย (พิกัดฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ)
คลิกเพื่อดูเมนูร้านฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำทั้งหมด
กาแฟบ้านไทลื้อ – ลำดวนผ้าทอ
หลังจากที่เรากินข้าวที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เสร็จแล้ว เราก็ไม่พลาด ที่จะแวะไปชื่นชมความงามของผ้าทอลายสไตล์ไทลื้อ พร้อมกับเพิ่มความหวานเบา ๆ ให้ร่างกายกันที่ “กาแฟบ้านไทลื้อ – ลำดวนผ้าทอ”
เครื่องดื่มกาแฟบ้านไทลื้อ ราคาถูกมากเลยนะ ประมาณแก้วละ 30 บาท ราคานี้เกือบทุกแก้วจริง ๆ รสชาติก็ปกติทั่วไปนะ ไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ไม่ได้ว้าวอะไรมากนัก แต่ที่เราชอบก็คือ ถึงแม้เค้าจะเปิดสถานที่กว้างใหญ่ให้คนเข้ามาถ่ายรูปได้มากมาย แถมกับมานั่งชมบรรยากาศจะนานเท่าไหร่ก็ได้ แต่เค้าก็ยังขายเครื่องดื่มในราคานี้ โดยไม่หวงสถานที่เลย
ซึ่งจะมีทางเดินไม้ทอดยาวเชื่อมถึงกันหมดทุกหลัง โดยที่ระหว่างทางเดินนั้น เราก็จะได้เห็นผ้าทอสไตล์ไทลื้อหลากสีสัน ประดับให้ชื่นชมความสวยงามกันตลอดทางเดิน
บริเวณข้างหลัง จะมีซุ้มไม้มุงจาก ที่สร้างทอดยาวไปในผืนนา ซึ่งทำเป็นสะพานไม้ไผ่เชื่อมให้เป็นทางเดิน และเป็นจุดถ่ายรูปอีกหนึ่งจุดที่สวยงามไม่แพ้ผ้าลายเลย เรียกได้ว่า เป็นการสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติจริง ๆ เป็นการมาเที่ยวน่านที่สัมผัสกับธรรมชาติได้หลากหลายรูปแบบจริง ๆ (พิกัดกาแฟบ้านไทลื้อ)
วัดภูเก็ต ที่เที่ยวปัว จังหวัดน่าน
หลังจากนั้นเราก็ไป “วัดภูเก็ต” ที่อยู่จังหวัดน่าน ใช่ค่ะ ชื่อวัดภูเก็ตจริง ๆ ซึ่งที่มาของชื่อวัดภูเก็ตนี้ ก็มาจากลักษณะที่ตั้งของวัด นั่นก็เพราะว่า ตัววัดนั้นตั้งอยู่บนเนินเขา ภาษาทางภาคเหนือก็คือ “ภู” และวัดก็ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านเก็ต จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดภูเก็ต” นั่นเอง
เมื่อเข้ามาถึงในวัดภูเก็ตนั้น บริเวณภายนอก ดูเป็นวัดที่ดูเก่าแก่ ขลัง ทรงพลัง สงบร่มรื่นมาก ๆ ต้อนรับการมาถึงด้วยวงดนตรีของสมาคมผู้สูงอายุ ที่มานั่งบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีให้ฟังกันบริเวณลานหน้าทางเข้าวัด ตรงนี้เราชอบมากเลยนะ เหมือนสนับสนุนให้คนสูงอายุได้มีอะไรทำ ไม่เหงา จะเห็นว่ามีเครื่องเล่น และเก้าอี้ว่างวางอยู่บริเวณด้านหน้าคุณลุงเหล่านี้ นั่นก็คือจะเป็นการที่ให้เราเข้าไปนั่งถ่ายรูปร่วมทีมกับพวกเค้าได้ด้วย น่ารักมากเลย
จุดเด่นในวัดภูเก็ตที่เห็นเยอะที่สุดก็คงจะเป็นกระดิ่งเล็ก ๆ ที่นิยมร่วมทำบุญพร้อมเขียนชื่อตัวเองลงไป เที่ยวน่านทั้งที ลงชื่อจารึกไว้ซะหน่อยอะเนาะ อิอิ
เมื่อเดินมาข้างหลัง ก็จะพบกับวิวภูเขา ที่มองลงไปเป็นทุ่งนากว้างใหญ่อีกเช่นกัน เป็นอีกมุมวิวยอดฮิต ที่นิยมมาเยี่ยมชมความงามของธรรมชาติกัน เขียวขจีเสียจริง ๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ธรรมชาติรอบตัวเราไปหมด
บริเวณจุดชมวิวของวัดภูเก็ตนี้ จะเห็นตะกร้าวางอาหารปลาอยู่ แต่เอ๊ะ! ไม่เห็นบ่อปลาบริเวณนี้เลย เห็นแต่ท่อแป๊บสีฟ้ายาว ๆ ที่ไหลทอดลงไปยังด้านล่าง ที่เป็นบ่อน้ำขนาดกลาง ใช่แล้ว! ให้อาหารปลาตรงนี้นี่แหละ ฮ่า ๆ แน่นอนว่า การให้อาหารปลาของวัดภูเก็ต จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะเราจะต้องเทอาหารปลาเหล่านี้ ลงไปในท่อแป๊บนี้ เพื่อให้ไหลลงไปยังบ่อน้ำด้านล่าง พออาหารลงไปถึง ปลาก็กระโดดขึ้นมาหนุบหนับ น่ารักมากเลยแฮะ (พิกัดวัดภูเก็ต จังหวัดน่าน)
สกาดคอฟฟี่ โฮมสเตย์
เวลาประมาณ 4 โมง เย็น เป็นเวลาที่ควรค่าแก่การเข้าที่พัก แน่นอนว่า การเที่ยวน่านในคืนที่สองของเรา จะนอนกันที่ดอยสกาด เราเลือกไปพักกันที่ “สกาดคอฟฟี่” ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ วิวดีทิวทัศน์งาม ที่อยู่ข้าง ๆ สกาดดีโฮมสเตย์อันฮอตฮิตนั่นล่ะ แนะนำว่า ใครที่จองสกาดดีไม่ทัน เลือกมาจอง สกาดคอฟฟี่ ไปเลยได้นะ เพราะวิวคือภูเขาจะเห็นทางเดียวกัน บอกเลยว่า บรรยากาศไม่แพ้กันเลย
ที่พักที่นี่ มีความเป็นกันเอง เหมือนญาติมาพักอาศัย มาถึงก็เสิร์ฟชุดน้ำชาร้อน ให้จิบกัน
ห้องพักของเราในคืนที่สองนี้ ชื่อว่าห้องแดนหมอก ด้วยความที่มีหน้าต่างเปิดออกไป ก็เห็นวิวภูเขา สลับกับสายหมอกเลยนั่นเอง ห้องนี้จะมี 2 เตียง สามารถนอนรวมกันได้สี่คนพอดี เป็นห้องใหญ่ที่สุด คืนละ 3,600 บาท (ตกคนละ 900 บาท) รวมอาหารเช้า – เย็น ถือเป็นที่พักที่จบครบในตัวเอง สมบรูณ์แบบมาก ๆ
และนี่ก็คือ โฉมหน้าขันโตก อาหารมื้อเย็นของพวกเราในวันนี้ จะเป็นอาหารไทย ๆ สำรับนี้สำหรับกินกัน 4 คน แต่ก็สามารถขอเพิ่มได้ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติม พี่คนที่เป็นเจ้าของก็มีการเดินมาพูดคุย มาถามไถ่ ซึ่งเราก็ขอไก่ และ น้ำซุปเพิ่มไป เห็นแบบนี้แต่อิ่มใช่เล่นนะ เป็นการกินอาหารมื้อเย็นที่สบายใจ เพลิดเพลินไปกับวิวภูเขาโรสุดแสนจะโรแมนติกสุด ๆ
อากาศตอนกลางคืนก็เย็นสบายนะ ไม่ถึงกับหนาวมาก แค่เย็น ๆ ไม่ต้องมีแอร์เลย เปิดแค่พัดลมก็เอาอยู่ เป็นอีกที่ที่อยากแนะนำมาก ๆ เพราะว่าประทับใจทั้งที่พัก วิว การบริหาร อาหาร มันดีไปหมดทุกอย่าง เลยจริง เป็นการจบ Day 2 ที่สมบรูณ์แบบมาก ๆ ( อ่านรีวิวเต็ม ๆ สกาดคอฟฟี่ )
อ่านรีวิวเที่ยวน่าน DAY1
วัดพระธาตุเขาน้อย > ร้านวันดา > วันพระธาตุแช่แห้ง > วัดภูมินทร์ > สเวนเซ่นส์ กาดน่าน > ของหวานป้านิ่ม > ซุ้มลีลาวดี > ตูบนา โฮมสเตย์ > DaiDibDaiDee ได้ดิบได้ดี
5 thoughts on “เที่ยวน่าน Day2 – ที่เที่ยวปัว จุดเช็คอินห้ามพลาด จากปัวไปนอนดอยสกาด”