การเที่ยวที่คิวชูวันแรก เราแพลนให้เที่ยวที่ คุมาโมโตะ ทั้งวัน พร้อมกับนอนที่นี่ซะเลย ซึ่งโปรแกรมวันแรกเหมือนเป็นตัวตัดสินโปรแกรมเที่ยวในวันถัดไป และจากการที่นั่งวางแผนคิดแล้วคิดอีกเพื่อให้สัมพันธ์กับรถไฟสายต่างๆ ทำให้ยอดคงเหลือของสถานที่เที่ยวในคุมาโมโตะนั้นมีอยู่ 4 ที่ คือ Kumamoto Castle (ปราสาทคุมาโมโตะ), Kumamon Square (ออฟฟิตของคุมะมง), Suizenji Garden (สวนซุยเซนจิ) และปิดท้ายด้วยการเดินช้อปปิ้งบนถนนคนเดิน 3 สายหลัก Shimotori, Sun Road Shin-shigai และ Kamitori แต่แพลนก็คือแพลน ไม่ได้หมายความว่าจะไปได้ครบหมดนี่หน่า ก็เล่นเดินหลงกันซะตั้งแต่เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นกันซะกินเวลาไปเยอะ เลยไม่ได้ไป Suizenji Garden กับเค้า ครั้งหน้า ไม่พลาดแน่ แฮร่!!
- เตรียมความพร้อมก่อนไปเที่ยวคิวชู
- คิวชูฤดูหนาว สวัสดี…ฟุกุโอกะ
- เยี่ยมชมปราสาท คุมาโมโตะ (คุณอยู่ที่นี่) – Day 1 (Part 1)
- Kumamon Square และถนนสายชอปปิ้ง (คุณอยู่ที่นี่) – Day 1 (Part 2)
- เที่ยวเบบปุ กับประสบการณ์ที่หนาวสุดในชีวิต – Day 2
- ชมบ่อน้ำพุร้อนเมืองเบบปุ ยาวไปไกลถึงยูฟูอิน – Day 3
- ยูฟูอิน เมืองประทับใจ เที่ยวหนึ่งวันก็ไม่หนำใจ – Day 4
- นางาซากิ เมืองแห่งสงครามแต่งดงามฉบับนิยาย – Day 5
- ฮากาตะวันสุดท้าย ช็อปปิ้งให้ตายก็ยังไม่พอ – Day 6
- แชร์ประสบการณ์นอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น
Service mind
หลังจากเปลี่ยนตั๋ว JR มาเป็นบัตรแข็งและจองรถไฟที่สถานีฮากาตะเรียบร้อยแล้ว ก็พากันรีบวิ่งไปที่ชานชาลาชินคันเซ็น เพราะรถไฟของญี่ปุ่นจะมาก่อนเวลาประมาณ 3-10 นาที เพื่อที่จะได้ออกให้ตรงเวลาตามที่ระบุไว้ หากใครไม่ได้ทำการจองรถไฟเอาไว้ เพียงแค่โชว์บัตรเบ่ง JR ก็สามารถไปได้เหมือนกันนะ แต่จะต้องเป็นขบวนรถไฟที่มี cars สำหรับ non-reserve เท่านั้น ที่เหลือก็ลุ้นว่า จะมีที่นั่งหรือไม่ เสี่ยงดวงกันไป
ภายในขบวนรถไฟชินคันเซ็น ก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพ แต่ละ cars (ตู้) ก็จะมีลักษณะเบาะนั่งแตกต่างเช่นกัน
ที่นั่งนุ่มสบาย มีไออุ่นจากฮีทเตอร์ใต้เบาะ ยืดขาได้ตามอำเภอใจ แต่อยู่ในความมีมารยาทเนาะ ฮ่าๆ ชะอุ่ย มีที่ชาร์ตแบตอีกด้วยนะเอ้อ ตายตาหลับแล้วล่ะคราวนี้ ได้นั่งชินคันเซ็นกับเค้าสักทีพ่อจ๋าแม่จ๋าฝันลูกเป็นจริงง (- -” อีบ้า!!)
บนรถไฟชินคันเซ็นจะมีพนักงานมาบริการขายอาหาร น้ำและของที่ระลึก โดยจะมาในคอนเซ็ปแอร์โฮสเตส สวย สง่า ยิ้มแย้มและน่ารักมาก บริการเป็นเลิศ
ด้วยความที่เป็นรถไฟความเร็วสูงแบบ Fast & furious คูณสิบ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำเวลา ไม่สนวิวระหว่างทาง หรือต้องการเดินทางข้ามจังหวัดในระยะเวลาสั้นๆ พริบตาเดียวก็ถึงคุมาโมโตะแล้ว ยู้วหูว ตื่นเต้นจังโว้ย
เซยไฮทักทายกับชินคันเซ็นขบวนอื่นเบาๆ ตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นกับตาตัวเอง เค้าถึงบอกว่า ครั้งแรก มักยิ่งใหญ่เสมอ
พอลงจากบันไดเลื่อนที่ชานชาลาชินคันเซ็นของสถานีคุมาโมโตะ ก็จ๊ะเอ๋กับมาสคอตหนุ่มสุดฮอตนามว่า คุมะมง (Kumamon) ยืนแก้มแดงต้อนรับอยู่ เป็นนายกวักชวนให้เราเข้าไปสอยสินค้าที่เจ้ามงเป็นพรีเซนเตอร์ ล้วนแล้วเป็นของขึ้นชื่อประจำจังหวัด และมีเจ้ามงเป็นพรีเซนเตอร์อยู่บนโปรดักส์ ถ้าใครได้มีโอกาสมาคุมาโมโตะ จะพูดกันเป็นเสียงเดียว คุมะมงทั้งแผ่นดิน
การเดินทางในเมืองคุมาโมโตะนิยมใช้บริการรถราง ราคาเที่ยวละ 150 yen ตลอดสาย คือเราคิดดูแล้วว่า ซื้อบัตร Kumamoto City Tram 400 yen ยังไงก็คุ้มกว่า เพราะแอบมีส่วนลดค่าเข้าสถานที่สำคัญต่างๆ ในจังหวัดนี้อีกด้วย และอยากจะเปิดใช้บัตรวันไหนก็แค่ขูดวันนั้นๆ เดินขึ้นรถรางได้ตามอำเภอใจ ตอนลงก็แค่โชว์บัตรนี้ให้คนขับดูเท่านั้นเอง สบ๊ายยย ซึ่งซื้อได้ที่ Information สถานีคุมาโมโตะ ใกล้ๆ กับเจ้าคุมะมงร่างยักษ์นี้ล่ะ
เส้นทางการขึ้นรถรางของเมืองคุมาโมโตะมีแค่ 2 สาย A (สีแดง) และ B (สีน้ำเงิน) โดยที่ทั้งสาย A และ B จะมาตัดกันที่สถานี Karachima แล้วขนานกันไปจนสุดทาง (สามารถเช็คเวลาการเดินทางของรถรางได้ที่ Hyperdia)
ด้านหน้าสถานี JR Kumamoto ก็จะเป็นสถานีรถราง Kumamoto ป้าย 3 ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มตั้งต้นการเที่ยวในเมืองคุมาโมโตะที่นี่แหละ ตามมาค่ะตามมาเล้ย
คืนแรกเราพักกันที่ Guesthouse Tiga เป็นเกสเฮ้าส์ราคาประหยัด อยู่ใกล้สถานีรถราง Suidocho เลยตัดสินใจไปเก็บกระเป๋าเอาไว้ที่พักก่อน แน่นอนว่าเราจองมาเรียบร้อยแล้ว (ไม่ได้ถ่ายภาพเส้นทางขณะเดิน แต่มีเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ เลยนำมาประกอบการรีวิว อาจเห็นไม่ชัดไม่ละเอียดนัก ไม่ว่ากันเนาะ)
Guesthouse Tiga เป็นตึกแถวแคบๆ เปิดประตูเข้าไปก็เป็นลิฟต์เล็กๆ และบันได เราเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อจะฝากกระเป๋าก่อน แต่พนักงานใจดีให้เช็คอินไปก่อนได้เลย พร้อมกับพาไปที่ห้องพักที่ชั้น 3
ที่เราเลือกพัก Guesthouse Tiga เพราะราคาถูก และคนเข้ามารีวิวใน Booking ก็โอเคดีนะ ถูกและดีแบบนี้ เจ๊ไม่พลาดห้องนอนคืนแรกที่ Kumamoto ของพวกเรา เป็นแบบนอนรวม 4 เตียง คนละประมาณ 2,800 yen เอาจริงๆ สภาพดูดีกว่าในเว็บอีก แถมขนผ้าห่มมาให้อีกเพียบบบบ บริการดีเยี่ยม !!
มีป้ายเตือนที่อ่างล้างมือ Saving water: The tap of water in Kumamoto city is 100% natural water คือให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะทั้งจังหวัดคุมาโมโตะนี้ เค้าจะใช้น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติให้เราใช้กินใช้อาบกันแบบเพรียวๆ ผิวสวยไปสิทีนี้ ที่พักสะอาดและเป็นระเบียบมาก ห้องน้ำก็แคบอยู่นะ แต่สะอาดและดูใหม่ มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และพวกจาน ชาม ให้พร้อม แต่ใช้เสร็จแล้วก็ล้างเก็บให้เค้าด้วยล่ะ
ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของหรือพนักงาน ที่มาทำการต้อนรับพวกเรา เค้าเสิร์ฟชาร้อนและขนมมาให้ขณะที่เรากำลังเก็บกระเป๋าเข้าห้อง พร้อมแนะการเดินทางไปที่ต่างๆของเมืองคุมาโมโตะอย่างละเอียด ด้วยความจริงใจ อย่างที่เค้าบอกว่า service mind ของประเทศญี่ปุ่นนี่เป็นเลิศ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นล่ะสิ เค้าใส่ใจทุกรายละเอียดจนเราประทับใจเป็นอย่างมาก แปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ประมาณนี้
“ถ้าพวกคุณผู้หญิงจะอาบน้ำ รบกวนขึ้นไปชั้น 4 นะครับ”
“ทำไมล่ะ ชั้นนี้อาบไม่ได้หรอ?” ในใจนี่คิดว่า มันมีอาถรรพ์อะไรหรือเปล่าวะ ห้ามผู้หญิงอาบน้ำชั้นนี้
“คือวันนี้ จะมีห้องนึงในชั้นนี้ เป็นผู้ชายทั้งกลุ่มเลย ผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิง”
“อะริ อะริ อะริงาโตะโกไซมัส” โหยยยยย ที่อะริเยอะๆคือตกใจในความหวังดีที่คาดไม่ถึง
Service Mind ที่ไม่ใช่แค่การบริการให้ดี แต่คือความใส่ใจที่เงินซื้อไม่ได้ ถ้าได้มีโอกาสกลับไปคุมาโมโตะอีกครั้ง เราก็จะกลับไปพักที่นี่อีกแน่นอน แม้จะไม่ใช่โรงแรมหรูห้าดาว แต่ค้างคาวก็ยังออกหากินตอนกลางคืน … เงียบกริบ
Kumamoto Castle (熊本城) ปราสาท คุมาโมโตะ
หลังจากที่ซาบซึ้งน้ำตาแอบอิงกันไปครู่ใหญ่ ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าต้องรีบไปต่แกันได้แล้วนะเห้ย ยังมีอีกตั้งหลายที่ที่ต้องไป check-in ว่าแล้วก็เดินไปขึ้นรถรางสถานีเดิม เพื่อไป ปราสาทคุมาโมโตะ
รถรางของที่นี่ขับไม่ช้าไม่เร็วๆ เนิบๆ สบายๆ แต่ตรงเวลา และรถไฟของญี่ปุ่น เค้ามี privacy ค่อนข้างสูง ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายหน้า ก็ระวังกันนิดนึงเน้อ ถึงแม้จะถ่ายตัวเองหรือเพื่อน แต่ถ้าแอบติดหน้าเค้า ก็มีเคืองๆกันอยู่บ้างล่ะ
การใช้บริการรถรางของเมืองคุมาโมโตะไม่ยากเลย เรียกได้ว่าง่ายกว่าสายรถเมล์บ้านเราแน่นอน เพียงแค่รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ กับจุดหมายที่เราจะไป ขึ้นลงให้ถูกป้าย แค่นี้เลยจริงๆ
ปราสาทคุมาโมโตะ เป็นปราสาทที่เก่าแก่มากที่สุดของจังหวัดคุมาโมโตะ และจัดว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของญี่ปุ่นอีกด้วย
ปราสาท คุมาโมโตะ สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1601 ตามคำสั่งของท่าน Kato Kiyomasa เพื่อใช้เป็นป้อมปราการ จะสังเกตุเห็นได้ว่าหน้าทางเข้าปราสาทจะล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการรบ และในปี ค.ศ. 1877 ก็เกิดการกบฎขึ้น ทำให้ตัวปราสาทถูกเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด และอีก 100 ปีต่อมาถึงได้มีการบูรณะให้สวยงามอย่างที่เห็นในทุกวันนี้
- ลงรถรางสถานีป้าย 10 Kumamoto Castle/ City Hall
- ข้ามทางม้าลายมาแล้วให้เดินไปตรงซอยขวามือจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย
- เดินตามทางไปเรื่อยๆที่เป็นเส้นทางขนานกับกำแพงปราสาท จะเจอรูปปั้นสุดทางเดินเท้าต่อกับถนนพอดี
- ให้เลี้ยวขวาข้ามสะพาน (ทางเดินจะอยู่ขวามือเลียบกับคูน้ำ) และขึ้นเนิน
- เดินไปอีกหน่อย หน่อยเดียวจริงๆ ก็จะเห็นทางเข้าหลัก เลี้ยวขวาได้เลย
ภาพปราสาทต่อไปนี้ เราถ่ายก่อนเกิดเหตุการณ์เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อวันที่ 14/04/2016 จากรายงานพบว่า บ้านเรือนพังถล่มและมีเพลิงไหม้ แม้แต่กำแพงหินของปราสาทคุมาโมโตะก็พังถล่มเสียหายปิดทางเข้าทั้งหมดของปราสาท!! ตอนนี้ก็ผ่านมา 1 ปี แล้ว การบูรณะซ่อมแซมน่าจะเรียบร้อยดีในระดับหนึ่ง
ค่าเข้าชมปราสาทคุมาโมโตะ 500 yen ถ้านำหางตั๋ว Kumamoto City Tram มาใช้ก็เป็นส่วนลดค่าเข้าได้เหลือ 400 yen (นี่คืออีก 1 เหตุผล ที่ทำไมเราเลือกซื้อบัตร Kumamoto City Tram แทนที่จะจ่ายค่ารถรางเป็นเที่ยวๆไป )
เราดันไปในช่วงที่เค้าพยากรณ์อากาศกันว่าหิมะจะตกหนัก จะเห็นได้ว่าอากาศหนาวและแห้งมากๆ ต้นไม้ผลัดใบออกไปหมดแล้ว เหลือแต่บรรยากาศวังเวง บวกกับลมหนาว และฝนตกปรอยๆ ตอนเดินเข้าปราสาท ให้ความรู้สึกขลังแบบไม่ต้องไปรายการคนอวดผีเลยนะจะบอกให้ บรื๋ออออ
ได้แต่ก้มหน้าเดินขึ้นบันไดหินไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหนื่อย ถึงเหนื่อยแล้วก็ยังไม่ได้หยุดหรอกนะ เพราะต้องเหนื่อยประมาณ 10 นาที กว่าจะเข้าถึงปราสาทข้างใน
พอคิดว่าใกล้จะถึงแล้วก็ยังไม่ใช่อีกแฮะ ต้องเดินลอดทางเข้าใต้ดินเพื่อไปหน้าปราสาท ซึ่งสมัยก่อนทางลอดนี้ เป็นทางที่ล่อข้าศึกให้เข้ามาแล้วโจมตีกันอย่างดุเดือด ดูทรงพลังมาก ที่สำคัญอุ๊นนนอุ่น ข้างนอกหนาวลมแรงมาก ไม่อยากจะออกไปเลย ฮืออออ
บริเวณหน้าปราสาทคุมาโมโตะ คนเยอะพอสมควรเลยวันนั้น
ข้างนอกหนาวมากจึงรีบขึ้นมาชั้นบนของตัวปราสาทเพื่อดูวิวโดยรอบ เดินวนไปวนมา ชนกันไปมาแอบงงเหมือนกันนะ ได้แต่ตามเค้าไปเรื่อยๆ
วิวจากยอดปราสาท มองเห็นบรรยากาศทั่วเมือง รู้สึกผ่อนคลายเหมือนกันแฮะ
ลงมาก็เจอหนุ่มซามูไรคอยจะแสดงโชว์ แต่ตอนนั้นลมแรงมาก แล้วฝนเริ่มตกหนักขึ้นทำให้หนุ่มๆเหล่านี้ไม่สามารถแสดงได้ พากันเข้าไปหลบในร้านขายของฝาก
ร้านขายขนมมันหวานที่ขึ้นชื่อของปราสาทคุมาโมโตะ เสียดายไม่ได้ลองชิม เพราะคนเยอะและฝนตกลมแรง เลยรีบเข้าไปหลบในร้านขายของฝากดีกว่า
ร้านขายของที่ระลึกบริเวณปราสาทคุมาโมโตะเต็มไปด้วยสุดหล่อแก้มแดง คุมะมงทั้งแผ่นดินจริงๆ ยกให้เค้าเลยละลานตามาก 55555
เมื่อฝนเริ่มซาเราก็รีบกลับออกมาทางนี้ดีกว่า เพื่อจะได้ไปชมความงามของซากุระ…ที่ไม่มี 55555
ทางออกปราสาทคุมาโมโตะมีหลายทาง แต่เราชอบทางนี้มาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าทางออกประตูไหน เค้าว่ากันว่าถ้ามาในช่วงซากุระ ทางออกนี้จะเป็นมุมยอดฮิตสำหรับการชมซากุระเลยทีเดียว ครั้งหน้าจะไม่พลาดแน่ๆ 🙂
เดินออกมาด้านหลัง ก็จะเจอกับรูปปั้นท่านผู้นำ ที่ถูกสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ ดูทรงพลังและเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเค้าจริงๆ
ฝาท่อระบายน้ำยอดฮิต ที่ใครมาญี่ปุ่นเป็นต้องถ่ายกลับมากันแทบทุกราย เพราะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง ที่ไม่เหมือนกันจริงๆ
พวกผู้ชายก็มัวแต่เหล่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นกลุ่มนั้น แหม่! เห็นเด็กเป็นไม่ได้นะ ว่าแล้วก็ดึงหูแล้วลากไปขึ้นรถราง เพื่อไป Kumamon Square ต่อ
“นี่เราจะไม่ทันการแสดงของคุมะมงรอบบ่าย 3 แล้วนะเนี่ย”
“ก็จะไปถามน้องนักเรียนกลุ่มนั้นให้งายยย”
“เออ! งั้นเมิงไปถามกลุ่มขวา กูไปหาคนซ้ายเอง”
“เออได้ !!”
“กูประชด!”
ว่าแล้วก็เดินจูงหูยานๆของผู้ชายหน้าม่อทั้งหลายกลับมาที่รถราง และไปหา คุมะมง ในตอนต่อไป
2 thoughts on “คิวชูฤดูหนาว Day 1: เที่ยวคุมาโมโตะ (1)”