การเที่ยวที่คิวชูวันแรก เราแพลนให้เที่ยวที่ คุมาโมโตะ ทั้งวัน พร้อมกับนอนที่นี่ซะเลย ซึ่งโปรแกรมวันแรกเหมือนเป็นตัวตัดสินโปรแกรมเที่ยวในวันถัดไป และจากการที่นั่งวางแผนคิดแล้วคิดอีกเพื่อให้สัมพันธ์กับรถไฟสายต่างๆ ทำให้ยอดคงเหลือของสถานที่เที่ยวในคุมาโมโตะนั้นมีอยู่ 4 ที่ คือ Kumamoto Castle (ปราสาทคุมาโมโตะ), Kumamon Square (ออฟฟิตของคุมะมง), Suizenji Garden (สวนซุยเซนจิ) และปิดท้ายด้วยการเดินช้อปปิ้งบนถนนคนเดิน 3 สายหลัก Shimotori, Sun Road Shin-shigai และ Kamitori แต่แพลนก็คือแพลน ไม่ได้หมายความว่าจะไปได้ครบหมดนี่หน่า ก็เล่นเดินหลงกันซะตั้งแต่เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นกันซะกินเวลาไปเยอะ เลยไม่ได้ไป Suizenji Garden กับเค้า ครั้งหน้า ไม่พลาดแน่ แฮร่!!
- เตรียมความพร้อมก่อนไปเที่ยวคิวชู
- คิวชูฤดูหนาว สวัสดี…ฟุกุโอกะ
- เยี่ยมชมปราสาท คุมาโมโตะ (คุณอยู่ที่นี่) – Day 1 (Part 1)
- Kumamon Square และถนนสายชอปปิ้ง (คุณอยู่ที่นี่) – Day 1 (Part 2)
- เที่ยวเบบปุ กับประสบการณ์ที่หนาวสุดในชีวิต – Day 2
- ชมบ่อน้ำพุร้อนเมืองเบบปุ ยาวไปไกลถึงยูฟูอิน – Day 3
- ยูฟูอิน เมืองประทับใจ เที่ยวหนึ่งวันก็ไม่หนำใจ – Day 4
- นางาซากิ เมืองแห่งสงครามแต่งดงามฉบับนิยาย – Day 5
- ฮากาตะวันสุดท้าย ช็อปปิ้งให้ตายก็ยังไม่พอ – Day 6
- แชร์ประสบการณ์นอนร้านเน็ตที่ญี่ปุ่น
Service mind

Shinkansen Sakura 547 : Hakata – Kumamoto (10:42 AM – 11:49 AM)
หลังจากเปลี่ยนตั๋ว JR มาเป็นบัตรแข็งและจองรถไฟที่สถานีฮากาตะเรียบร้อยแล้ว ก็พากันรีบวิ่งไปที่ชานชาลาชินคันเซ็น เพราะรถไฟของญี่ปุ่นจะมาก่อนเวลาประมาณ 3-10 นาที เพื่อที่จะได้ออกให้ตรงเวลาตามที่ระบุไว้ หากใครไม่ได้ทำการจองรถไฟเอาไว้ เพียงแค่โชว์บัตรเบ่ง JR ก็สามารถไปได้เหมือนกันนะ แต่จะต้องเป็นขบวนรถไฟที่มี cars สำหรับ non-reserve เท่านั้น ที่เหลือก็ลุ้นว่า จะมีที่นั่งหรือไม่ เสี่ยงดวงกันไป

Shinkansen Sakura 547
ภายในขบวนรถไฟชินคันเซ็น ก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพ แต่ละ cars (ตู้) ก็จะมีลักษณะเบาะนั่งแตกต่างเช่นกัน
ที่นั่งนุ่มสบาย มีไออุ่นจากฮีทเตอร์ใต้เบาะ ยืดขาได้ตามอำเภอใจ แต่อยู่ในความมีมารยาทเนาะ ฮ่าๆ ชะอุ่ย มีที่ชาร์ตแบตอีกด้วยนะเอ้อ ตายตาหลับแล้วล่ะคราวนี้ ได้นั่งชินคันเซ็นกับเค้าสักทีพ่อจ๋าแม่จ๋าฝันลูกเป็นจริงง (- -” อีบ้า!!)
บนรถไฟชินคันเซ็นจะมีพนักงานมาบริการขายอาหาร น้ำและของที่ระลึก โดยจะมาในคอนเซ็ปแอร์โฮสเตส สวย สง่า ยิ้มแย้มและน่ารักมาก บริการเป็นเลิศ

Kyushu Shinkansen
ด้วยความที่เป็นรถไฟความเร็วสูงแบบ Fast & furious คูณสิบ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำเวลา ไม่สนวิวระหว่างทาง หรือต้องการเดินทางข้ามจังหวัดในระยะเวลาสั้นๆ พริบตาเดียวก็ถึงคุมาโมโตะแล้ว ยู้วหูว ตื่นเต้นจังโว้ย

Kyushu Shinkansen
เซยไฮทักทายกับชินคันเซ็นขบวนอื่นเบาๆ ตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นกับตาตัวเอง เค้าถึงบอกว่า ครั้งแรก มักยิ่งใหญ่เสมอ

Kumamon くまモン – Mascot of Kumamoto Prefecture, Japan
พอลงจากบันไดเลื่อนที่ชานชาลาชินคันเซ็นของสถานีคุมาโมโตะ ก็จ๊ะเอ๋กับมาสคอตหนุ่มสุดฮอตนามว่า คุมะมง (Kumamon) ยืนแก้มแดงต้อนรับอยู่ เป็นนายกวักชวนให้เราเข้าไปสอยสินค้าที่เจ้ามงเป็นพรีเซนเตอร์ ล้วนแล้วเป็นของขึ้นชื่อประจำจังหวัด และมีเจ้ามงเป็นพรีเซนเตอร์อยู่บนโปรดักส์ ถ้าใครได้มีโอกาสมาคุมาโมโตะ จะพูดกันเป็นเสียงเดียว คุมะมงทั้งแผ่นดิน

แอร้ยย รถประจำตำแหน่งคุมะมง ใช่หรือไม่!! กรี๊ดดด แต่ไม่มีใครนั่งอยู่นะ 5555555

Kumamoto City Tram One Day Pass (¥400)
การเดินทางในเมืองคุมาโมโตะนิยมใช้บริการรถราง ราคาเที่ยวละ 150 yen ตลอดสาย คือเราคิดดูแล้วว่า ซื้อบัตร Kumamoto City Tram 400 yen ยังไงก็คุ้มกว่า เพราะแอบมีส่วนลดค่าเข้าสถานที่สำคัญต่างๆ ในจังหวัดนี้อีกด้วย และอยากจะเปิดใช้บัตรวันไหนก็แค่ขูดวันนั้นๆ เดินขึ้นรถรางได้ตามอำเภอใจ ตอนลงก็แค่โชว์บัตรนี้ให้คนขับดูเท่านั้นเอง สบ๊ายยย ซึ่งซื้อได้ที่ Information สถานีคุมาโมโตะ ใกล้ๆ กับเจ้าคุมะมงร่างยักษ์นี้ล่ะ

Kumamoto City Tram Map
เส้นทางการขึ้นรถรางของเมืองคุมาโมโตะมีแค่ 2 สาย A (สีแดง) และ B (สีน้ำเงิน) โดยที่ทั้งสาย A และ B จะมาตัดกันที่สถานี Karachima แล้วขนานกันไปจนสุดทาง (สามารถเช็คเวลาการเดินทางของรถรางได้ที่ Hyperdia)

Kumamoto Station

Kumamoto Tram Station
ด้านหน้าสถานี JR Kumamoto ก็จะเป็นสถานีรถราง Kumamoto ป้าย 3 ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มตั้งต้นการเที่ยวในเมืองคุมาโมโตะที่นี่แหละ ตามมาค่ะตามมาเล้ย
คืนแรกเราพักกันที่ Guesthouse Tiga เป็นเกสเฮ้าส์ราคาประหยัด อยู่ใกล้สถานีรถราง Suidocho เลยตัดสินใจไปเก็บกระเป๋าเอาไว้ที่พักก่อน แน่นอนว่าเราจองมาเรียบร้อยแล้ว (ไม่ได้ถ่ายภาพเส้นทางขณะเดิน แต่มีเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ เลยนำมาประกอบการรีวิว อาจเห็นไม่ชัดไม่ละเอียดนัก ไม่ว่ากันเนาะ)

การเดินทางไปที่พัก Guesthouse Tiga
Guesthouse Tiga เป็นตึกแถวแคบๆ เปิดประตูเข้าไปก็เป็นลิฟต์เล็กๆ และบันได เราเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อจะฝากกระเป๋าก่อน แต่พนักงานใจดีให้เช็คอินไปก่อนได้เลย พร้อมกับพาไปที่ห้องพักที่ชั้น 3

ที่พัก Kumamoto Guesthouse Tiga
ที่เราเลือกพัก Guesthouse Tiga เพราะราคาถูก และคนเข้ามารีวิวใน Booking ก็โอเคดีนะ ถูกและดีแบบนี้ เจ๊ไม่พลาดห้องนอนคืนแรกที่ Kumamoto ของพวกเรา เป็นแบบนอนรวม 4 เตียง คนละประมาณ 2,800 yen เอาจริงๆ สภาพดูดีกว่าในเว็บอีก แถมขนผ้าห่มมาให้อีกเพียบบบบ บริการดีเยี่ยม !!

บริเวณส่วนกลางที่พัก Guesthouse Tiga
มีป้ายเตือนที่อ่างล้างมือ Saving water: The tap of water in Kumamoto city is 100% natural water คือให้ใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะทั้งจังหวัดคุมาโมโตะนี้ เค้าจะใช้น้ำแร่จากแหล่งธรรมชาติให้เราใช้กินใช้อาบกันแบบเพรียวๆ ผิวสวยไปสิทีนี้ ที่พักสะอาดและเป็นระเบียบมาก ห้องน้ำก็แคบอยู่นะ แต่สะอาดและดูใหม่ มีตู้เย็น ไมโครเวฟ และพวกจาน ชาม ให้พร้อม แต่ใช้เสร็จแล้วก็ล้างเก็บให้เค้าด้วยล่ะ
ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของหรือพนักงาน ที่มาทำการต้อนรับพวกเรา เค้าเสิร์ฟชาร้อนและขนมมาให้ขณะที่เรากำลังเก็บกระเป๋าเข้าห้อง พร้อมแนะการเดินทางไปที่ต่างๆของเมืองคุมาโมโตะอย่างละเอียด ด้วยความจริงใจ อย่างที่เค้าบอกว่า service mind ของประเทศญี่ปุ่นนี่เป็นเลิศ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นล่ะสิ เค้าใส่ใจทุกรายละเอียดจนเราประทับใจเป็นอย่างมาก แปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ประมาณนี้
“ถ้าพวกคุณผู้หญิงจะอาบน้ำ รบกวนขึ้นไปชั้น 4 นะครับ”
“ทำไมล่ะ ชั้นนี้อาบไม่ได้หรอ?” ในใจนี่คิดว่า มันมีอาถรรพ์อะไรหรือเปล่าวะ ห้ามผู้หญิงอาบน้ำชั้นนี้
“คือวันนี้ จะมีห้องนึงในชั้นนี้ เป็นผู้ชายทั้งกลุ่มเลย ผมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิง”
“อะริ อะริ อะริงาโตะโกไซมัส” โหยยยยย ที่อะริเยอะๆคือตกใจในความหวังดีที่คาดไม่ถึง
Service Mind ที่ไม่ใช่แค่การบริการให้ดี แต่คือความใส่ใจที่เงินซื้อไม่ได้ ถ้าได้มีโอกาสกลับไปคุมาโมโตะอีกครั้ง เราก็จะกลับไปพักที่นี่อีกแน่นอน แม้จะไม่ใช่โรงแรมหรูห้าดาว แต่ค้างคาวก็ยังออกหากินตอนกลางคืน … เงียบกริบ
Kumamoto Castle (熊本城) ปราสาท คุมาโมโตะ

แม่น้ำ Shirakawa Kumamoto
หลังจากที่ซาบซึ้งน้ำตาแอบอิงกันไปครู่ใหญ่ ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าต้องรีบไปต่แกันได้แล้วนะเห้ย ยังมีอีกตั้งหลายที่ที่ต้องไป check-in ว่าแล้วก็เดินไปขึ้นรถรางสถานีเดิม เพื่อไป ปราสาทคุมาโมโตะ
รถรางของที่นี่ขับไม่ช้าไม่เร็วๆ เนิบๆ สบายๆ แต่ตรงเวลา และรถไฟของญี่ปุ่น เค้ามี privacy ค่อนข้างสูง ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายหน้า ก็ระวังกันนิดนึงเน้อ ถึงแม้จะถ่ายตัวเองหรือเพื่อน แต่ถ้าแอบติดหน้าเค้า ก็มีเคืองๆกันอยู่บ้างล่ะ

Kumamoto Castle bus stop – [10] Kumamoto Castle/ City Hall
การใช้บริการรถรางของเมืองคุมาโมโตะไม่ยากเลย เรียกได้ว่าง่ายกว่าสายรถเมล์บ้านเราแน่นอน เพียงแค่รู้ตำแหน่งที่เราอยู่ กับจุดหมายที่เราจะไป ขึ้นลงให้ถูกป้าย แค่นี้เลยจริงๆ

Kumamoto Castle (熊本城)
ปราสาทคุมาโมโตะ เป็นปราสาทที่เก่าแก่มากที่สุดของจังหวัดคุมาโมโตะ และจัดว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของญี่ปุ่นอีกด้วย
ปราสาท คุมาโมโตะ สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1601 ตามคำสั่งของท่าน Kato Kiyomasa เพื่อใช้เป็นป้อมปราการ จะสังเกตุเห็นได้ว่าหน้าทางเข้าปราสาทจะล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการรบ และในปี ค.ศ. 1877 ก็เกิดการกบฎขึ้น ทำให้ตัวปราสาทถูกเพลิงไหม้เสียหายเกือบทั้งหมด และอีก 100 ปีต่อมาถึงได้มีการบูรณะให้สวยงามอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

การเดินทางไปปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
- ลงรถรางสถานีป้าย 10 Kumamoto Castle/ City Hall
- ข้ามทางม้าลายมาแล้วให้เดินไปตรงซอยขวามือจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย
- เดินตามทางไปเรื่อยๆที่เป็นเส้นทางขนานกับกำแพงปราสาท จะเจอรูปปั้นสุดทางเดินเท้าต่อกับถนนพอดี
- ให้เลี้ยวขวาข้ามสะพาน (ทางเดินจะอยู่ขวามือเลียบกับคูน้ำ) และขึ้นเนิน
- เดินไปอีกหน่อย หน่อยเดียวจริงๆ ก็จะเห็นทางเข้าหลัก เลี้ยวขวาได้เลย
ภาพปราสาทต่อไปนี้ เราถ่ายก่อนเกิดเหตุการณ์เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง เมื่อวันที่ 14/04/2016 จากรายงานพบว่า บ้านเรือนพังถล่มและมีเพลิงไหม้ แม้แต่กำแพงหินของปราสาทคุมาโมโตะก็พังถล่มเสียหายปิดทางเข้าทั้งหมดของปราสาท!! ตอนนี้ก็ผ่านมา 1 ปี แล้ว การบูรณะซ่อมแซมน่าจะเรียบร้อยดีในระดับหนึ่ง

Kumamoto Castle (500 yen)
ค่าเข้าชมปราสาทคุมาโมโตะ 500 yen ถ้านำหางตั๋ว Kumamoto City Tram มาใช้ก็เป็นส่วนลดค่าเข้าได้เหลือ 400 yen (นี่คืออีก 1 เหตุผล ที่ทำไมเราเลือกซื้อบัตร Kumamoto City Tram แทนที่จะจ่ายค่ารถรางเป็นเที่ยวๆไป )
เราดันไปในช่วงที่เค้าพยากรณ์อากาศกันว่าหิมะจะตกหนัก จะเห็นได้ว่าอากาศหนาวและแห้งมากๆ ต้นไม้ผลัดใบออกไปหมดแล้ว เหลือแต่บรรยากาศวังเวง บวกกับลมหนาว และฝนตกปรอยๆ ตอนเดินเข้าปราสาท ให้ความรู้สึกขลังแบบไม่ต้องไปรายการคนอวดผีเลยนะจะบอกให้ บรื๋ออออ
ได้แต่ก้มหน้าเดินขึ้นบันไดหินไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหนื่อย ถึงเหนื่อยแล้วก็ยังไม่ได้หยุดหรอกนะ เพราะต้องเหนื่อยประมาณ 10 นาที กว่าจะเข้าถึงปราสาทข้างใน
พอคิดว่าใกล้จะถึงแล้วก็ยังไม่ใช่อีกแฮะ ต้องเดินลอดทางเข้าใต้ดินเพื่อไปหน้าปราสาท ซึ่งสมัยก่อนทางลอดนี้ เป็นทางที่ล่อข้าศึกให้เข้ามาแล้วโจมตีกันอย่างดุเดือด ดูทรงพลังมาก ที่สำคัญอุ๊นนนอุ่น ข้างนอกหนาวลมแรงมาก ไม่อยากจะออกไปเลย ฮืออออ

แท้แด่!! มีห้องชงชาใต้ปราสาทคุมาโมโตะ
บริเวณหน้าปราสาทคุมาโมโตะ คนเยอะพอสมควรเลยวันนั้น
ข้างนอกหนาวมากจึงรีบขึ้นมาชั้นบนของตัวปราสาทเพื่อดูวิวโดยรอบ เดินวนไปวนมา ชนกันไปมาแอบงงเหมือนกันนะ ได้แต่ตามเค้าไปเรื่อยๆ
วิวจากยอดปราสาท มองเห็นบรรยากาศทั่วเมือง รู้สึกผ่อนคลายเหมือนกันแฮะ

มุมยอดฮิตเจ้าคุมะมงส่งยิ้มให้อยู่ไกลๆ
ลงมาก็เจอหนุ่มซามูไรคอยจะแสดงโชว์ แต่ตอนนั้นลมแรงมาก แล้วฝนเริ่มตกหนักขึ้นทำให้หนุ่มๆเหล่านี้ไม่สามารถแสดงได้ พากันเข้าไปหลบในร้านขายของฝาก

บริเวณนี้จะโซนนั่งพัก ซื้อน้ำ ขนม นั่งกินกัน บริเวณหน้าร้านขายของฝาก
ร้านขายขนมมันหวานที่ขึ้นชื่อของปราสาทคุมาโมโตะ เสียดายไม่ได้ลองชิม เพราะคนเยอะและฝนตกลมแรง เลยรีบเข้าไปหลบในร้านขายของฝากดีกว่า

บริเวณหน้าร้านขายของฝากปราสาทคุมาโมโตะ
ร้านขายของที่ระลึกบริเวณปราสาทคุมาโมโตะเต็มไปด้วยสุดหล่อแก้มแดง คุมะมงทั้งแผ่นดินจริงๆ ยกให้เค้าเลยละลานตามาก 55555
เมื่อฝนเริ่มซาเราก็รีบกลับออกมาทางนี้ดีกว่า เพื่อจะได้ไปชมความงามของซากุระ…ที่ไม่มี 55555
ทางออกปราสาทคุมาโมโตะมีหลายทาง แต่เราชอบทางนี้มาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าทางออกประตูไหน เค้าว่ากันว่าถ้ามาในช่วงซากุระ ทางออกนี้จะเป็นมุมยอดฮิตสำหรับการชมซากุระเลยทีเดียว ครั้งหน้าจะไม่พลาดแน่ๆ 🙂
เดินออกมาด้านหลัง ก็จะเจอกับรูปปั้นท่านผู้นำ ที่ถูกสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ ดูทรงพลังและเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเค้าจริงๆ
ฝาท่อระบายน้ำยอดฮิต ที่ใครมาญี่ปุ่นเป็นต้องถ่ายกลับมากันแทบทุกราย เพราะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง ที่ไม่เหมือนกันจริงๆ
พวกผู้ชายก็มัวแต่เหล่เด็กนักเรียนญี่ปุ่นกลุ่มนั้น แหม่! เห็นเด็กเป็นไม่ได้นะ ว่าแล้วก็ดึงหูแล้วลากไปขึ้นรถราง เพื่อไป Kumamon Square ต่อ
“นี่เราจะไม่ทันการแสดงของคุมะมงรอบบ่าย 3 แล้วนะเนี่ย”
“ก็จะไปถามน้องนักเรียนกลุ่มนั้นให้งายยย”
“เออ! งั้นเมิงไปถามกลุ่มขวา กูไปหาคนซ้ายเอง”
“เออได้ !!”
“กูประชด!”
ว่าแล้วก็เดินจูงหูยานๆของผู้ชายหน้าม่อทั้งหลายกลับมาที่รถราง และไปหา คุมะมง ในตอนต่อไป