หลังจากที่เราใช้ชีวิต กิน เที่ยว ทัวร์วัด วันที่สอง อย่างจุใจแล้วนั้น มองดูเวลาประมาณ 4 โมง เย็น เป็นเวลาที่ควรค่าแก่การเข้าที่พัก แน่นอนว่าคืนนี้เราจะนอนกันที่ดอยสกาด เราไปพักกันที่ สกาดคอฟฟี่ เป็นโฮมสเตย์ ที่อยู่ข้าง ๆ สกาดดีโฮมสเตย์อันฮอตฮิตนั่นล่ะ ใครที่จองสกาดดีไม่ทัน แนะนำว่าให้จองที่นี่ได้เลย เพราะวิว คือ จะเห็นภูเขามุมเดียวกัน บอกเลยว่าบรรยากาศสวยงามไม่แพ้กันเลย
บรรยากาศของที่นี่ ดีงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในอำเภอปัว จังหวัดน่านเลย บอกเลยว่า มาครั้งเดียวไม่เคยพอ ถ้ามีโอกาสมาอีกครั้ง ยังไงก็จะแวะมาที่นี่แน่นอน (อ่านรีวิวเที่ยวน่านวันแรก)
ร้านกาแฟ สกาดคอฟฟี่
นอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ที่นี่ยังเปิดให้บริการในรูปแบบร้านกาแฟอีกด้วย สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่สกาด แล้วต้องการหาร้านกาแฟบรรยากาศดี ๆ เพื่อนั่งจิบชา ดิปกาแฟ กันอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งบริเวณร้านกาแฟนั้น จะตั้งอยู่ชั้นล่างของที่พัก เฮือนธามไท ที่เราเข้าพักกันในรีวิวนี้อีกด้วย (Facebook ของทางร้านกาแฟที่พัก)
ข้าง ๆ บริเวณคาเฟ่ จะมีสะพานที่ทำเป็นจุดชมวิวเอาไว้ให้คนที่มาเที่ยวคาเฟ่ ให้ได้ขึ้นไปถ่ายรูป ชมวิวกันด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิมมิค สำหรับการมาเที่ยวร้านกาแฟของที่นี่อีกด้วย (พิกัดสกาดคอฟฟี่)
เฮือนธามไท
เมื่อผ่านบริเวณโซนร้านกาแฟ ข้าง ๆ จะมีประตูสำหรับให้ขึ้นมาบริเวณที่พักได้ โดยจะเป็นมุมระเบียงกว้าง ๆ ลักษณะนี้ จะมีห้องพักทั้งหมด 3 ห้อง ได้แก่ ห้องแดนหมอก ห้องดอกเมี่ยง ห้องเสียงพิณ และ ห้องธามไท เป็นห้องพิเศษ ที่แยกตัวออกจากบริเวณโซนนี้
และนี่คือหน้าห้องพักที่สกาด ในคืนที่สองของพวกเรา “ห้องแดนหมอก” คืนละ 3,600 บาท (ตกคนละ 900 บาท) โดยราคานี้ จะรวมอาหารเช้า – เย็น แถมด้วย ชุดชาร้อน เซตต้อนรับแขกผู้มาเยือน และ กาแฟดริปสำหรับจิบกันในยามเช้าอีกด้วย ถือเป็นที่พักที่จบ ครบในตัวเอง สมบรูณ์แบบมาก ๆ
ห้องแดนหมอกจะมี 2 เตียงใหญ่ สามารถนอนรวมกันได้สี่คน คั่นกลางด้วยโต๊ะเครื่องแป้งเล็ก ๆ พร้อมกับพัดลมจิ๋ว 2 ตัว ภายในจะเป็นไม้หมดเลย ให้ความสัมผัสเย็น เป็นห้องใหญ่ที่สุดในเฮือนนี้แล้ว และด้วยความที่มีหน้าต่างเปิดออกไป ก็เห็นวิวภูเขา สลับกับสายหมอก เลยอาจเป็นที่มาของชื่อห้องนี้เอง
ที่พักเฮือนธามไท สกาดคอฟฟี่ทั้งหมดนี้ จะเป็นห้องน้ำรวม มีห้องอาบน้ำ 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง และมีอ่างล้างมือ พร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำครบครัน และถึงแม้ว่า จะเป็นห้องน้ำรวม แต่ขอบอกเลยว่า เค้าทำได้สะอาด และเรียบร้อยมาก ๆ จะมีก็แต่แมลง ที่บินวนไปวนมา เพราะอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินั่นเอง
มุมจิบน้ำชา ดินเนอร์ยามเย็น
ที่พักสกาดคอฟฟี่ มีความเป็นกันเองดุจญาติพี่น้องผองเพื่อนที่มาพักอาศัย เมื่อมาถึงก็จะมีการเข้ามาพูดคุย พร้อมกับเสิร์ฟชุดน้ำชาร้อนให้จิบกัน แน่นอนว่า เป็นอีกหนึ่งมุมยอดฮิต ถ้ามาเที่ยวน่านแล้วไม่ได้ถ่ายท่ารินน้ำชา เหมือนมาไม่ถึงน่าน อิอิ
และนี่ก็คือโฉมหน้า “ขันโตก” อาหารมื้อเย็น ณ สกาดคอฟฟี่ ของพวกเรา ก็จะเสิร์ฟเป็นอาหารไทย ๆ สำรับนี้สำหรับกินกัน 4 คน ซึ่งหลังจากที่มีคนนำอาหารมาเสิร์ฟแล้วนั้น พี่คนที่เป็นเจ้าของก็มีการเดินมาพูดคุย มาถามไถ่ และบอกว่าถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม ก็สามารถขอได้ ก็จะมี ปลาทอด ไข่ผัดฟัก ไก่ทอด น้ำพริก แคปหมู ไข่เจียว แน่นอนว่า เราก็ขอไก่ และ น้ำซุปเพิ่มไป ฮ่า ๆ เห็นแบบนี้แต่อิ่มใช่เล่นนะ เป็นการกินอาหารมื้อเย็นที่สบายใจ เพลิดเพลินไปกับวิวภูเขา สลับหมอกจาง ๆ กับแสงตะวันลับขอบฟ้า เป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสุด ๆ
และแน่นอนว่า ต้องไม่พลาดร้าน เซเว่นเบ้น 7BENT เป็นร้านขายของชำที่ตั้งชื่อเลียนแบบ เซเว่นอีเลฟเว่น แบบน่ารัก ๆ วิถีชาวบ้าน มีขายขนม เครื่องดื่ม หน้าบริเวณที่พักสกาดคอฟฟี่
อากาศตอนกลางคืนที่สกาดเย็นสบายดีนะ ไม่ถึงกับหนาวมาก แต่ไม่ร้อนเลย อากาศเย็น ๆ กำลังดี ไม่ต้องมีแอร์ แค่สูดอากาศธรรมชาติอันสดชื่น แล้วเปิดพัดลมนอนก็เอาอยู่ เป็นอีกที่ที่อยากแนะนำมาก ๆ เพราะว่าประทับใจทั้งที่พัก วิว การบริหาร อาหาร มันดีไปหมดทุกอย่าง
อรุณสวัสดิ์ กาแฟดิป ณ สกาดคอฟฟี่
ตอนเช้าเราตื่นขึ้นมาประมาณ 6 โมงเช้า พร้อมเปิดหน้าต่างที่อยู่ปลายเตียง เพื่อที่จะเห็นหมอก แต่เช้าวันนี้โชคไม่ค่อยเข้าข้างเราเท่าไหร่ หมอกไม่ค่อยมีเลย แต่ความเขียวของภูเขา และ อากาศอันบริสุทธิ์สดชื่นที่เราได้รับ สามารถทดแทนได้อย่างหมดจด
กาแฟดิปมาเสิร์ฟแล้วจ้า จัดแจงหามุมถ่ายรูป ไม่ว่าจะมุมไหนก็สวย มันดีต่อหัวใจจริง ๆ ฮะ
หลังจากที่เสิร์ฟกาแฟดิปกันได้ไม่นาน อาหารเช้า ณ สกาดคอฟฟี่ก็มาเสิร์ฟกันอย่างต่อเนื่อง มาเป็นเซตข้าวต้ม พร้อมกับไข่ลวก และ แก้วมังกร สามารถขอเพิ่มได้อีกแล้ว ฮ่า ๆ อร่อยอยู่นะ ครบรสครบเครื่อง อิ่มไปตาม ๆ กัน
ห้องเรือนกระจก Sakad Coffee
ตอนเช้าหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็จะมีคนพาเราไปห้องกระจกภายในบริเวณที่พัก ซึ่งเป็นห้องที่สะสมของเก่าของเจ้าของ ภายในตกแต่งสไตล์ย้อนยุค ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปวัยเด็ก
บริเวณภายในตกแต่งสไตล์คาเฟ่ย้อนยุค และของสะสมของเก่าทุกชนิด ดูล้ำค่า ดูมีความหมายแทบทุกชิ้น บ่งบอกถึงความรักและเอาใจใส่ของคนสะสมเลยนะ เดินเข้าไประวังข้าวของเค้าเสียหายนิดนึงอะเนาะ
มุมถ่ายรูปสวย ๆ ทั้งนั้นเลยแม่
หลังจากที่เราออกมาจากห้องเรือนกระจก เราก็กลับไปเก็บของ และถ่ายรูปกับวิวบนเรือนกันจนหนำใจ ซึ่งทางเจ้าของแนะนำให้เราเดินไปเที่ยวที่ “บ้านจักษ์กะพัฒน์” เพราะว่าที่นี่ จะเป็นที่ที่เราได้เห็น วิวอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งจะต่างกับวิวฝั่งนี้ ทำให้เราได้เห็นวิวหลาย ๆ วิว นั่นเอง เดินไปไม่ไกลจากที่นี่มาก ถือว่าเดินเพลิน ๆ อากาศสบาย ๆ
บอกเลยว่า เป็นที่ที่สงบ สุขใจ และอยากกลับมาอีกครั้ง ถ้ามีโอกาศ สามารถอ่านรีวิวเที่ยวน่านในวันที่สาม ต่อได้เลยจ้า
3 thoughts on “สกาดคอฟฟี่ ที่พักน่าน จิบชา กาแฟดิป วิวภูเขากระทบสายหมอก”