ตูบนาโฮมสเตย์ นอนกระท่อมกลางทุ่ง สดชื่นกับวิวหลักล้าน

หลังจากที่เราได้ กิน เที่ยว ทัวร์วัด กันที่เมืองน่านอย่างจุใจแล้วนั้น เราก็ตรงดิ่งขึ้นไปที่ปัวเพื่อที่จะมาพัก ตูบนาโฮมสเตย์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1:30 ชม. จากในเมืองน่าน เราได้คุยกับที่พักเอาไว้ เค้าให้คำแนะนำดีมาก ๆ บอกว่าอยากให้มาถึงไม่เกิน 4 โมงเย็น เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่สวยงามพอสมควรเลย เป็นอีกหนึ่งที่พักที่ถูกจองเต็มเร็วมาก เพราะด้วยบรรยากาศ และความสวยงามของธรรมชาติ ทำให้ใครหลายคนอยากมาสัมผัสกันด้วยตาของตัวเอง (อ่านรีวิว แพลนการเที่ยววันแรกที่น่านทั้งหมดได้ที่นี่)

ตูบนา โฮมสเตย์

พอมาถึงเราก็พบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ฝนเริ่มตกปรอย ๆ ต้อนรับเราเลย เป็นช่วงเวลาที่สวยจริง ๆ แสงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน กระทบกับความเขียวชะอุ่มของไร่นาในเดือนสิงหาคม พร้อมกับมองดูเม็ดฝนที่รวงข้าวเป็นประกายแวววับ กับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงใหญ่ พร้อมกับหมอกปกคลุมอยู่บริเวณยอดเขา ประหนึ่งดังภูเขาไฟฟูจิประจำน่าน ฮ่า ๆ ไม่รอช้า ถ่ายรูปยกใหญ่เลยจ้า

บรรยากาศรอบตูบนา ถือว่าใส่ใจกับธรรมชาติมาก เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า มีแปลงดอกไม้สวย ๆ สีสีนปะปนกลมกลืนกันไป ทำให้รู้สึกสดชื่น มองไปทางไหนก็สบายตา เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง

พื้นที่นาทั้งหมดเป็นของที่พัก ซึ่งตอนแรกก็ทำเป็นนาทั้งหมด ก่อนที่จะปรับพื้นที่บางส่วนให้เป็นโฮมสเตย์ และทางเดินให้เราได้ไปชมทุ่งนาเขียวขจีกันได้อย่างใกล้ชิด

ที่พักโซนตูบน่าน

ในส่วนของโฮมสเตย์นั้นจะแบ่งเป็น 3 แบบหลัก ๆ คือ โซนตูบตา โซนตูบน่าน และกระท่อมกลางนา (ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติม)

เราเลือกพักห้องกระท่อมกลางนา คืนละ 1,500 บาท พักได้ 2 คนต่อหลัง รวมอาหารเช้า คือเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาจริง ๆ โซนนี้จะมีทั้งหมด 5 กระท่อมด้วยกัน เป็นห้องน้ำรวม มีทั้งหมด 2 ห้อง ตอนที่เราไปพักโชคดีมากที่ไม่มีคนอื่นมาพัก ทำให้ห้องน้ำเป็นของพวกเรา ฮ่า ๆ

ทางเดินไปยังกระท่อมกลางนา

ภายในบริเวณห้องนอนของกระท่อมกลางนา ตูบนาโฮมสเตย์ ก็เล็ก ๆ สามารถนอนได้แค่ 2 คนจริง ๆ มีแค่เตียง กับ พัดลม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วที่พักแจ้งมาก่อนว่า กระท่อมกลางนา จะเปิดให้บริการในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น เนื่องจากไม่มีแอร์ อาจจะทำให้ลูกค้าร้อน แต่เอาเข้าจริง ๆ ในช่วงที่พวกเราเดินทางไปต้นเดือนสิงหา อุณหมิในตอนกลางคืนเฉลี่ยประมาณ 24-27 องศา ถือว่ากำลังนอนสบายเลยล่ะ อากาศไม่ร้อนมากในตอนเย็น และกลางคืน เพราะมีฝนตกชุ่มฉ่ำ แค่เปิดพัดลมก็เย็นสบายแล้วจ้า

ประมาณ 5 โมง ฝนก็ตกลงมาหนักมาก พวกเราก็นั่งเล่น นอนเล่นกันอยู่ในกระท่อมกลางนา ฟังเสียงเม็ดฝนหล่นซู่ กระทบกับทางเดินไม้ไผ่ และกระท่อม พร้อมกับมองวิวภูเขาที่มีหมอกปกคลุม สลับกับเม็ดฝนโปรยปราย เป็นความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ที่บอกไม่ถูกเลย ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง

หลังจากที่ฝนหยุดแล้ว หมอกก็เริ่มลงหนา ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามมาก บรรยากาศดีเกินที่จะบรรยายออกมาได้หมด ภายถ่ายไม่เคยสวยกว่าการมาดูด้วยตัวเองเลย เชื่อแล้วว่าคำพูดนี้เป็นจริง

หลังจากที่เราไปเที่ยว DaiDibDaiDee แล้วต่อด้วย ถนนคนเดินปัวกันมาแล้ว ก็กลับมาอาบน้ำนอน ที่ตูบนาอันเป็นที่รักยิ่งของเรากัน

ที่จริงแล้ว ที่ตูบนามีอาหารเย็นแบบ “ขันโตก” ไว้บริการด้วยนะ ค่าเสียหายคนละ 250 บาท แต่พวกเราได้จองพิซซ่าไว้แล้วเลยไม่ได้ลิ้มลองขันโตกที่นี่

ตอนเช้าตื่นมา ก็จะอารมณ์ประมาณนี้ อากาศเย็นสบาย ฟังเสียงนก เสียงแมลง ที่คอยปลุกให้ตื่น

เมนูอาหารเช้าสไตล์โฮมเมด มีข้าวต้ม ข้าวผัด ไข่ดาว ผลไม้อย่างลำไย ก็เป็นสวนของที่พักเองด้วย

ที่อยากนำเสนออย่างมาก คือ แยมมัลเบอร์รี่สด ที่คุณแม่ของตูบนาลงมือทำด้วยตนเอง รสชาติเข้มข้น เนื้อแยมแตกต่างจากแยมสำเร็จรูปทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เข้มข้นดีมาก ได้รสชาติของหม่อน หรือมัลเบอร์รี่เต็ม ๆ ใครติดใจในรสชาติมีขายกระปุกละ 120 บาท ถือว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับแยมคุณภาพดี ๆ แบบนี้

ในส่วนของการบริการบอกเลยว่าเต็มสิบไม่หัก คุณป้าเอาใจใส่พวกเราเป็นอย่างดี คอยถามไถ่ตลอดเวลา เมื่อกินข้าวเช้ากันอิ่มแล้ว เราก็เดินไปถ่ายรูปทุ่งนาอีกชุดใหญ่ เชื่อแล้วว่าแดดเมืองน่าน ร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน

มาเที่ยวอำเภอปัว จังหวัดน่านทั้งที อย่าลืมมาพักกันที่ ตูบนาโฮมสเตย์ รับรองว่าคุ้มค่าทุกนาทีจริง ๆ ได้ครบทั้งบรรยากาศทุ่งนา สงบ ไม่วุ่นวาย พร้อมกับวิวภูเขาเป็นฉากหลัง และยังมีปุยหมอกให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันอีกด้วย

 

ช่องทางการติดต่อ ตูบนาโฮมสเตย์


ตูบนาโฮมสเตย์ ในมุมอื่น ๆ

ที่พักโซนตูบน่าน
สามารถไปนั่งเล่น นอนเล่น หรือถ่ายรูปที่ศาลาได้
ทางเดินที่ถูกโอบล้อมด้วยแปลงสวนดอกไม้ และทุ่งนาขนาดใหญ่
กระท่อมกลางนา ในยามค่ำคืน
เป็นโฮมสเตย์ที่เหมาะกับการพักผ่อนสายตาที่อ่อนล้า จากหน้าจอแสงสีฟ้า
มื้อเช้าที่มีพื้นหลังเป็นสวนดอกไม้ และทิวเขา

เช้าวันใหม่อันสดใส ด้วยพลังเต็มร้อย พร้อมออกเดินทาง “เที่ยวน่านในวันที่สอง” แล้วล่ะ 🙂